สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้ากัมพูชา เหลือ 3.6% ช่วยกระตุ้นการส่งออก,日本貿易振興機構


สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้ากัมพูชา เหลือ 3.6% ช่วยกระตุ้นการส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจจากJETRO เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 07:25 น. แจ้งข่าวดีแก่ผู้ประกอบการที่ค้าขายกับสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ ได้ประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาลงเหลือ 3.6% จากเดิมที่เคยสูงถึง 36% การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการส่งออกของกัมพูชา และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจในภูมิภาคนี้

ที่มาของข่าวสาร:

ข้อมูลดังกล่าวเผยแพร่โดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ข้อมูลข่าวสารด้านธุรกิจและการค้าระหว่างประเทศ การประกาศนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของสหรัฐฯ ในการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาคอินโดจีน รวมถึงการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา

รายละเอียดการลดภาษี:

จากเดิมที่กัมพูชามีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราที่ค่อนข้างสูงถึง 36% การปรับลดอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ลงเหลือเพียง 3.6% ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การลดลงอย่างมีนัยสำคัญนี้จะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาไปยังตลาดสหรัฐฯ ทำให้ราคาสินค้ากัมพูชามีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นอย่างมาก

สินค้าที่ได้รับผลกระทบ:

แม้ว่าข่าวจะไม่ได้ระบุเจาะจงถึงประเภทของสินค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่โดยทั่วไปแล้ว การลดภาษีนำเข้ามักจะครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภทที่กัมพูชามีศักยภาพในการผลิตและส่งออก สินค้าที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีครั้งนี้ ได้แก่

  • สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร: เช่น ข้าว ผลไม้แปรรูป พืชผลทางการเกษตรต่างๆ
  • สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม: กัมพูชามีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และการลดภาษีนี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญ
  • สินค้าอุตสาหกรรมเบา: เช่น ผลิตภัณฑ์ยางพารา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางประเภท
  • สินค้าหัตถกรรมและของที่ระลึก: ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดสหรัฐฯ

ผลกระทบต่อกัมพูชาและภูมิภาค:

การลดภาษีครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจกัมพูชาในหลายด้าน:

  1. กระตุ้นการส่งออก: ต้นทุนการส่งออกที่ลดลงจะทำให้ผู้ผลิตกัมพูชาสามารถแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ได้ดีขึ้น คาดว่าจะมีการเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ
  2. เพิ่มการลงทุน: ความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นอาจดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ เอง เพื่อเข้าไปตั้งฐานการผลิตในกัมพูชา
  3. สร้างงานและรายได้: การขยายตัวของการส่งออกและการลงทุน จะนำไปสู่การสร้างงานและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนกัมพูชา
  4. เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า: การตัดสินใจลดภาษีของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ให้แก่กัมพูชา ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
  5. โอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย: ผู้ประกอบการไทยที่อาจมีฐานการผลิตหรือธุรกิจในกัมพูชา หรือผู้ที่สนใจจะขยายธุรกิจไปยังกัมพูชา ก็จะได้รับอานิสงส์จากข่าวดีนี้ด้วย

ข้อคิดเห็นและมุมมองเพิ่มเติม:

การที่สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากกัมพูชา สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชาติตะวันตกให้ความสำคัญกับการกระจายฐานการผลิตและแสวงหาตลาดใหม่ๆ นอกเหนือจากประเทศที่เคยเป็นแหล่งผลิตหลัก เช่น จีน การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับกัมพูชาในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของตนเอง

สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายการลงทุนหรือการค้าไปยังกัมพูชา ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและตลาดเป้าหมายในสหรัฐฯ และพิจารณาใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบด้านภาษีนี้ให้เต็มที่ การร่วมมือกับพันธมิตรในกัมพูชา หรือการศึกษาโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้

โดยรวมแล้ว ข่าวนี้ถือเป็นสัญญาณบวกที่น่าจับตามอง สำหรับเศรษฐกิจกัมพูชา และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคต่อไป


カンボジアへの米国相互関税は36%に引き下げ


AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:

เวลา 2025-07-09 07:25 ‘カンボジアへの米国相互関税は36%に引き下げ’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย

Leave a Comment