
EU จ่อประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบที่ 18: ลดเพดานราคาน้ำมันดิบ – ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
โตเกียว, 22 กรกฎาคม 2568 – องค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) รายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) กำลังเตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งที่ 18 ต่อรัสเซีย โดยมีประเด็นสำคัญคือการ “ลดเพดานราคาน้ำมันดิบของรัสเซีย” ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการตอบโต้การรุกรานยูเครนของรัสเซีย
การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ EU ได้หารือกันอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดพลังงานโลกและเศรษฐกิจของหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย
รายละเอียดของมาตรการคว่ำบาตรครั้งที่ 18:
-
การลดเพดานราคาน้ำมันดิบ: EU ได้กำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบของรัสเซียมาแล้วในมาตรการก่อนหน้านี้ เพื่อจำกัดรายได้ของรัฐบาลรัสเซียจากการส่งออกพลังงาน มาตรการใหม่นี้จะเป็นการ ปรับลดระดับเพดานราคาลง อีกครั้ง ซึ่งหมายความว่ากลุ่มประเทศ G7 และ EU จะยอมรับน้ำมันดิบของรัสเซียในราคาที่ต่ำกว่าเดิม หากต้องการซื้อขายและขนส่งผ่านระบบประกันภัยและบริการทางการเงินของชาติตะวันตก
- วัตถุประสงค์: เพื่อบีบให้รัสเซียต้องขายน้ำมันในราคาที่ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของรัสเซียลดน้อยลง และลดศักยภาพในการสนับสนุนสงครามในยูเครน
- ผลกระทบ: หากรัสเซียไม่ยอมขายในราคาที่กำหนด อาจต้องหาตลาดทางเลือก หรือขนส่งด้วยตนเอง ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนและจำกัดปริมาณการส่งออก
-
มาตรการอื่น ๆ ที่อาจรวมอยู่: นอกเหนือจากการลดเพดานราคาน้ำมันดิบแล้ว มาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่นี้อาจรวมถึง:
- การจำกัดการค้าและการลงทุนเพิ่มเติม: อาจมีสินค้าและบริการบางประเภทที่ถูกห้ามนำเข้าหรือส่งออกจากรัสเซีย หรือมีการจำกัดการลงทุนในภาคส่วนที่สำคัญของรัสเซีย
- การคว่ำบาตรบุคคลและองค์กร: อาจมีการเพิ่มรายชื่อบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือสนับสนุนสงครามให้อยู่ในบัญชีดำ เพื่อยกระดับการกดดัน
- การจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี: อาจมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่สำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมและกลาโหมของรัสเซีย
เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจของ EU:
- การสนับสนุนยูเครน: EU ยังคงยืนยันที่จะให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ และต้องการลดศักยภาพของรัสเซียในการทำสงคราม
- การสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจ: การคว่ำบาตรเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย เพื่อให้ยุติการปฏิบัติการทางทหาร
- การตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบัน: การปรับลดเพดานราคาน้ำมันสะท้อนให้เห็นถึงการประเมินสถานการณ์ตลาดพลังงานโลกและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น:
- ตลาดพลังงานโลก:
- ราคาพลังงาน: การลดเพดานราคาน้ำมันอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบของรัสเซียปรับลดลง แต่ในขณะเดียวกัน หากรัสเซียมีปัญหาในการส่งออก อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาดโลกและทำให้ราคาน้ำมันโดยรวมผันผวน
- การแข่งขัน: ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอื่น ๆ อาจได้รับประโยชน์จากการที่รัสเซียต้องลดราคา หรือเสียส่วนแบ่งตลาด
- เศรษฐกิจโลก:
- อัตราเงินเฟ้อ: ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าพลังงาน
- การค้าระหว่างประเทศ: การจำกัดการค้าและการขนส่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน และการค้าระหว่างประเทศ
- เศรษฐกิจไทย:
- การนำเข้าพลังงาน: แม้ว่าไทยจะไม่ได้นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียโดยตรงมากนัก แต่ความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง และต้นทุนการผลิตสินค้าที่ต้องใช้พลังงาน
- ภาคการส่งออก: หากมาตรการคว่ำบาตรส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป หรือประเทศในเอเชีย อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของสินค้าส่งออกของไทย
- การท่องเที่ยว: ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยว
สิ่งที่ไทยควรจับตามอง:
- ทิศทางราคาพลังงาน: ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด
- ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน: ประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการนำเข้าวัตถุดิบและชิ้นส่วนสำคัญในการผลิต
- มาตรการช่วยเหลือ: หน่วยงานภาครัฐควรพิจารณามาตรการรองรับและช่วยเหลือภาคธุรกิจและประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ
การออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของ EU นี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการกดดันรัสเซียอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568.
EU、対ロシア制裁第18弾を採択、ロシア産原油の上限価格引き下げ
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-07-22 06:30 ‘EU、対ロシア制裁第18弾を採択、ロシア産原油の上限価格引き下げ’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย