
อินโดนีเซียและสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงทางการเมือง CEPA มุ่งปิดดีลภายในเดือนกันยายน 2567
โตเกียว, 22 กรกฎาคม 2567 – องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) รายงานข่าวสำคัญว่า ผู้นำของอินโดนีเซียและสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงทางการเมืองเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม (CEPA) แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดให้ได้ภายในเดือนกันยายน 2567
ข่าวนี้ถือเป็นสัญญาณบวกที่สำคัญต่อความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การบรรลุข้อตกลง CEPA นี้จะช่วยปูทางไปสู่การขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหลากหลายมิติ
CEPA คืออะไร และทำไมจึงสำคัญ?
CEPA ย่อมาจาก Comprehensive Partnership Economic Agreement ซึ่งหมายถึงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม โดยทั่วไปแล้ว ข้อตกลงประเภทนี้จะครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง นอกเหนือจากการลดภาษีศุลกากรและการยกเลิกมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff barriers) แล้ว CEPA ยังอาจรวมถึง:
- การลงทุน: การอำนวยความสะดวกและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสองฝ่าย
- การค้าบริการ: การเปิดตลาดสำหรับภาคบริการต่างๆ เช่น การเงิน การสื่อสาร และการขนส่ง
- ทรัพย์สินทางปัญญา: การคุ้มครองสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ และเครื่องหมายการค้า
- การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ: การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจากอีกฝ่ายเข้าร่วมการประมูลโครงการของภาครัฐ
- กฎแหล่งกำเนิดสินค้า: การกำหนดหลักเกณฑ์ว่าสินค้าต้องมีสัดส่วนการผลิตจากประเทศใดบ้างจึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- การอำนวยความสะดวกทางการค้า: การปรับปรุงกระบวนการทางศุลกากรและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้การค้าง่ายขึ้น
- การแข่งขัน: การส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม
- การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและแรงงาน: การกำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการบรรลุ CEPA ระหว่างอินโดนีเซียและ EU:
- การขยายโอกาสทางการค้า: การลดภาษีและอุปสรรคทางการค้าอื่นๆ จะช่วยให้สินค้าจากอินโดนีเซียเข้าสู่ตลาด EU ได้ง่ายขึ้น และในทางกลับกัน สินค้าจาก EU ก็จะสามารถเข้าถึงตลาดอินโดนีเซียได้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคและผู้ผลิตของทั้งสองฝ่าย
- การส่งเสริมการลงทุน: ความตกลงที่ชัดเจนเกี่ยวกับการลงทุนจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจาก EU ที่ต้องการเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย ซึ่งจะนำมาซึ่งเงินทุน เทคโนโลยี และการจ้างงาน
- การยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ: CEPA จะเป็นกรอบความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในระยะยาว และอาจนำไปสู่ความร่วมมือในสาขาอื่นๆ เช่น การพัฒนาที่ยั่งยืน และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล
- การสร้างมาตรฐานที่สูงขึ้น: การเจรจา CEPA มักนำไปสู่การปรับปรุงกฎระเบียบและมาตรฐานต่างๆ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย
- การเสริมสร้างอำนาจต่อรอง: การมีความตกลงทางการค้ากับกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่อย่าง EU จะช่วยเสริมสร้างอำนาจต่อรองของอินโดนีเซียในการเจรจาทางการค้ากับประเทศหรือกลุ่มประเทศอื่นๆ
บริบทและความสำคัญของอินโดนีเซีย:
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง มีประชากรจำนวนมาก และมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นน่าประทับใจ และมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก การมี CEPA กับ EU จะยิ่งเป็นการตอกย้ำสถานะและความสำคัญของอินโดนีเซียในเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ขั้นตอนต่อไป:
แม้ว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงทางการเมืองแล้ว แต่กระบวนการยังไม่สิ้นสุดลง ขั้นตอนต่อไปคือการจัดทำร่างข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ การตรวจสอบทางกฎหมาย และการให้สัตยาบันโดยรัฐสภาของแต่ละประเทศสมาชิก EU และรัฐสภาของอินโดนีเซีย การที่ทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะปิดดีลภายในเดือนกันยายน 2567 แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงทางการเมืองที่แข็งแกร่ง และความตั้งใจที่จะเร่งกระบวนการให้สำเร็จลุล่วง
ความสำเร็จของการเจรจา CEPA ระหว่างอินโดนีเซียและ EU ครั้งนี้ ถือเป็นข่าวที่น่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้ที่สนใจในเศรษฐกิจของทั้งสองภูมิภาค การเปิดตลาดและความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกันต่อไป.
インドネシアとEU首脳がCEPA政治合意、9月までの妥結目指す
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-07-22 04:30 ‘インドネシアとEU首脳がCEPA政治合意、9月までの妥結目指す’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย