
ถอดรหัส “นานมากและขอบคุณสำหรับบิตทั้งหมด” จาก NCSC: การสิ้นสุด SHA-1 ในปี 2025
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2025 เวลา 08:30 น. UK National Cyber Security Centre (NCSC) ได้เผยแพร่บทความชื่อ “นานมากและขอบคุณสำหรับบิตทั้งหมด” (So Long, and Thanks for All the Bits) ซึ่งอ้างอิงชื่อมาจากหนังสือชื่อดัง “The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy” โดย Douglas Adams
บทความนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องตลกขบขันหรือการเดินทางในอวกาศ แต่เป็นการประกาศสำคัญเกี่ยวกับการเลิกใช้มาตรฐานการเข้ารหัส SHA-1 (Secure Hash Algorithm 1) อย่างเป็นทางการ
SHA-1 คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?
SHA-1 เป็นฟังก์ชันแฮช (hash function) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอดีตเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลดิจิทัล มันทำงานโดยการแปลงข้อมูลใดๆ (เช่น ไฟล์, รหัสผ่าน, หรือข้อความ) ให้เป็น “แฮช” ที่มีความยาวคงที่ (ในกรณีของ SHA-1 คือ 160 บิต)
- หลักการทำงาน: หากข้อมูลต้นฉบับมีการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อย แฮชที่ได้ก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้ SHA-1 ถูกนำไปใช้ในการตรวจสอบว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นตรงกับข้อมูลต้นฉบับหรือไม่
- การใช้งาน: SHA-1 เคยถูกใช้ในหลายด้าน เช่น:
- ลายเซ็นดิจิทัล: เพื่อยืนยันความถูกต้องของซอฟต์แวร์และเอกสาร
- ใบรับรอง SSL/TLS: เพื่อสร้างความปลอดภัยในการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต (HTTPS)
- การควบคุมเวอร์ชันซอฟต์แวร์: เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์ต่างๆ
- การเก็บรหัสผ่าน: (แม้ว่าจะไม่แนะนำแล้วในปัจจุบัน)
ทำไมต้องเลิกใช้ SHA-1?
ปัญหาคือ SHA-1 มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ร้ายแรง นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่า “collision attack” ได้สำเร็จ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถสร้างข้อมูลสองชุดที่แตกต่างกัน แต่มีแฮช SHA-1 เดียวกัน สิ่งนี้จะทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถ:
- ปลอมแปลงลายเซ็นดิจิทัล: สร้างซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายซึ่งดูเหมือนจะมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้
- หลอกลวงใบรับรอง SSL/TLS: ดักจับข้อมูลที่ส่งผ่านการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS)
ด้วยเหตุนี้ SHA-1 จึงถูกมองว่าไม่ปลอดภัยอีกต่อไป และควรเลิกใช้งานไปนานแล้ว
NCSC แนะนำอะไร?
บทความ “นานมากและขอบคุณสำหรับบิตทั้งหมด” จาก NCSC ย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนไปใช้ฟังก์ชันแฮชที่ปลอดภัยกว่า SHA-1 โดยเฉพาะตระกูล SHA-2 (เช่น SHA-256, SHA-384, SHA-512) และ SHA-3
- SHA-2 และ SHA-3 คืออะไร?: เป็นฟังก์ชันแฮชรุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยสูงกว่า SHA-1 มาก พวกเขามีความซับซ้อนทางคณิตศาสตร์มากกว่า และทนทานต่อการโจมตีที่เคยทำได้กับ SHA-1
- คำแนะนำ: NCSC แนะนำให้องค์กรต่างๆ ตรวจสอบระบบและแอปพลิเคชันของตนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ใช้ SHA-1 อีกต่อไป หากยังมีการใช้งานอยู่ ควรทำการอัปเดตและเปลี่ยนไปใช้ SHA-2 หรือ SHA-3 โดยเร็วที่สุด
ผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั่วไป:
ถึงแม้ว่าผู้ใช้งานทั่วไปอาจจะไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ โดยตรง แต่การเลิกใช้ SHA-1 จะช่วยให้โลกอินเทอร์เน็ตปลอดภัยยิ่งขึ้น การเปลี่ยนไปใช้ฟังก์ชันแฮชที่ปลอดภัยกว่า จะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลสำคัญจากการถูกโจมตี
สรุป:
บทความ “นานมากและขอบคุณสำหรับบิตทั้งหมด” จาก NCSC เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญเกี่ยวกับการสิ้นสุดยุคของ SHA-1 และการเปลี่ยนไปสู่มาตรฐานการเข้ารหัสที่ปลอดภัยกว่า องค์กรและผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ควรให้ความสำคัญกับการอัปเดตระบบของตนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ใช้ SHA-1 อีกต่อไป และเปลี่ยนไปใช้ SHA-2 หรือ SHA-3 เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบต่างๆ ให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
นานมากและขอบคุณสำหรับบิตทั้งหมด
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-03-13 08:30 ‘นานมากและขอบคุณสำหรับบิตทั้งหมด’ ได้รับการเผยแพร่ตาม UK National Cyber Security Centre กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
148