การล้มละลายในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนั้นใหญ่ที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาผลกระทบของวัสดุสูงการขาดแคลนแรงงานเงินให้สินเชื่อศูนย์ (โคโรนา), PR TIMES


วิกฤตในอุตสาหกรรมการก่อสร้างญี่ปุ่น: การล้มละลายสูงสุดในรอบ 10 ปี ซ้ำเติมด้วยปัจจัย “วัสดุแพง-ขาดแคลนแรงงาน-เงินกู้หมด”

จากรายงานของ PR TIMES เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 เวลา 11:40 น. สถานการณ์ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างของญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ โดยมี “การล้มละลายในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง” ที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน โดยคำหลักสำคัญที่บ่งชี้ถึงสถานการณ์นี้คือ “วัสดุแพง-ขาดแคลนแรงงาน-เงินให้สินเชื่อศูนย์ (โคโรนา)”

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการล้มละลายในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง:

  • ราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น: ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ปูนซีเมนต์ ไม้ หรือวัสดุอื่นๆ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้รับเหมาขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่มีอำนาจต่อรองน้อยในการจัดซื้อจัดหา ทำให้กำไรลดลง หรืออาจถึงขั้นขาดทุนในโครงการต่างๆ

  • ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน: ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับปัญหาประชากรสูงวัยและอัตราการเกิดต่ำ ส่งผลให้จำนวนแรงงานในภาคการก่อสร้างลดลงอย่างต่อเนื่อง การขาดแคลนแรงงานฝีมือทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับต้นทุนค่าจ้างที่สูงขึ้น และความล่าช้าในการดำเนินโครงการ

  • การสิ้นสุดของมาตรการช่วยเหลือทางการเงินจากผลกระทบของโควิด-19 (“เงินให้สินเชื่อศูนย์”): ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อธุรกิจ รวมถึงการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือปลอดดอกเบี้ย (“เงินให้สินเชื่อศูนย์”) อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้กำลังจะสิ้นสุดลงหรือทยอยหมดไป ทำให้ผู้ประกอบการที่พึ่งพาเงินกู้ดังกล่าวต้องเผชิญกับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น

ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น:

  • การล้มละลายของบริษัทก่อสร้างขนาดเล็กและกลาง (SMEs): ผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางมีความเสี่ยงที่จะล้มละลายมากที่สุด เนื่องจากมีทรัพยากรจำกัดในการรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น
  • ความล่าช้าในการดำเนินโครงการก่อสร้าง: การขาดแคลนแรงงานและปัญหาทางการเงินอาจส่งผลให้โครงการก่อสร้างต่างๆ ล่าช้าหรือถูกยกเลิก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
  • การลดลงของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไป อาจส่งผลให้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศลดลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาในระยะยาว

แนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้:

  • การสนับสนุนทางการเงินและเทคนิคแก่ผู้ประกอบการ SMEs: รัฐบาลและสถาบันการเงินควรให้การสนับสนุนทางการเงินและเทคนิคแก่ผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
  • การลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม: การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการก่อสร้าง เช่น หุ่นยนต์ก่อสร้าง (construction robots) และเทคนิคการก่อสร้างแบบสำเร็จรูป (prefabrication) สามารถช่วยลดการพึ่งพาแรงงานคน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  • การดึงดูดแรงงานต่างชาติ: การผ่อนปรนกฎระเบียบและปรับปรุงสภาพการทำงาน เพื่อดึงดูดแรงงานต่างชาติที่มีทักษะในภาคการก่อสร้าง สามารถช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้
  • การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาโครงการก่อสร้าง สามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

สรุป:

สถานการณ์ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างของญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การล้มละลายที่เพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณเตือนถึงความท้าทายที่ผู้ประกอบการกำลังเผชิญอยู่ การแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรม และสร้างความยั่งยืนในระยะยาว


การล้มละลายในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนั้นใหญ่ที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาผลกระทบของวัสดุสูงการขาดแคลนแรงงานเงินให้สินเชื่อศูนย์ (โคโรนา)

AI ได้ส่งข่าวสารแล้ว

ใช้คำถามต่อไปนี้เพื่อรับคำตอบจาก Google Gemini:

เมื่อเวลา 2025-03-20 11:40 ‘การล้มละลายในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนั้นใหญ่ที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาผลกระทบของวัสดุสูงการขาดแคลนแรงงานเงินให้สินเชื่อศูนย์ (โคโรนา)’ กลายเป็นคำหลักที่ได้รับความนิยมตาม PR TIMES กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย.


158

Leave a Comment