สหรัฐฯ จับตาค่าเงินเยนต่อเนื่อง: ผลกระทบและความหมายสำหรับเศรษฐกิจไทย,日本貿易振興機構


สหรัฐฯ จับตาค่าเงินเยนต่อเนื่อง: ผลกระทบและความหมายสำหรับเศรษฐกิจไทย

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 เวลา 02:40 น. องค์กรส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ได้รายงานข่าวสำคัญจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ประกาศ “รายงานค่าเงินประจำปี 2024” ซึ่งระบุว่า ญี่ปุ่นยังคงถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ต้องจับตาเรื่องนโยบายค่าเงินอย่างใกล้ชิด

รายงานค่าเงินคืออะไรและทำไมต้องจับตาดู?

รายงานค่าเงินเป็นเอกสารที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จัดทำขึ้นเป็นประจำเพื่อประเมินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบว่าประเทศเหล่านั้นมีการแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่ หากประเทศใดถูกระบุว่าเป็น “manipulator” หรือผู้บิดเบือนค่าเงิน จะนำไปสู่มาตรการตอบโต้จากสหรัฐฯ ได้

ทำไมญี่ปุ่นถึงยังถูกจับตา?

ถึงแม้ญี่ปุ่นจะไม่ได้ถูกตราหน้าว่าเป็น “manipulator” แต่การที่ยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ต้องจับตา แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ยังคงกังวลเกี่ยวกับนโยบายค่าเงินของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (Quantitative Easing – QE) ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกกำลังขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ นโยบาย QE นี้ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

การที่ญี่ปุ่นถูกสหรัฐฯ จับตาเรื่องค่าเงินมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหลายด้าน:

  • ค่าเงินบาท: ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตามไปด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนที่ใกล้ชิดกับญี่ปุ่น การอ่อนค่าของเงินบาทอาจส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อหนี้สินต่างประเทศที่อยู่ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
  • การส่งออก: ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าอาจทำให้สินค้าญี่ปุ่นมีราคาถูกลงในตลาดโลก ส่งผลให้สินค้าไทยที่แข่งขันกับสินค้าญี่ปุ่นเสียเปรียบด้านราคา อย่างไรก็ตาม ในบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหาร การอ่อนค่าของเงินเยนอาจส่งผลดีต่อการส่งออกวัตถุดิบจากไทยไปยังญี่ปุ่น
  • การลงทุน: การที่ญี่ปุ่นยังคงดำเนินนโยบาย QE อาจส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกจากญี่ปุ่นไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งอาจรวมถึงประเทศไทยด้วย การไหลเข้าของเงินทุนนี้อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
  • การท่องเที่ยว: ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นอาจเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยน้อยลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยควรทำ

  • ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด: ผู้ประกอบการไทยควรติดตามข่าวสารและสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจของตน
  • บริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน: ผู้ประกอบการที่ทำการค้ากับญี่ปุ่นควรพิจารณาใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ เช่น สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน
  • ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด: ผู้ประกอบการที่แข่งขันกับสินค้าญี่ปุ่นควรพิจารณาปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เช่น การพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้น หรือการสร้างความแตกต่างจากสินค้าญี่ปุ่น
  • หาโอกาสใหม่ๆ: ผู้ประกอบการควรพิจารณาหาโอกาสใหม่ๆ จากสถานการณ์นี้ เช่น การส่งออกสินค้าไปยังญี่ปุ่นในขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่า หรือการลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

สรุป

การที่สหรัฐฯ ยังคงจับตาค่าเงินเยนอย่างใกล้ชิดเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนในตลาดค่าเงินโลก ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและคว้าโอกาสใหม่ๆ ในตลาดโลก


米財務省、2024年の1年間の為替報告書を公表、日本は引き続き監視対象


AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:

เวลา 2025-06-06 02:40 ‘米財務省、2024年の1年間の為替報告書を公表、日本は引き続き監視対象’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย


423

Leave a Comment