การระบุแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหาร: คู่มือฉบับเข้าใจง่ายจาก DGCCRF (ฝรั่งเศส),economie.gouv.fr


การระบุแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหาร: คู่มือฉบับเข้าใจง่ายจาก DGCCRF (ฝรั่งเศส)

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2025, กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของฝรั่งเศส (ผ่านหน่วยงาน DGCCRF) ได้เผยแพร่ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการระบุแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก บทความนี้จะสรุปเนื้อหาสำคัญจากเอกสารดังกล่าว เพื่อให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการเข้าใจถึงกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องได้อย่างง่ายดาย

ทำไมการระบุแหล่งกำเนิดจึงสำคัญ?

  • ความโปร่งใส: ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะทราบว่าอาหารที่พวกเขากำลังจะซื้อมาจากไหน เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
  • ความมั่นใจ: การระบุแหล่งกำเนิดช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร
  • การสนับสนุนท้องถิ่น: ผู้บริโภคจำนวนมากต้องการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ผลิตในท้องถิ่น และการระบุแหล่งกำเนิดช่วยให้พวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้
  • การแข่งขันที่เป็นธรรม: การระบุแหล่งกำเนิดช่วยให้ผู้ผลิตที่ผลิตอาหารในท้องถิ่นสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้

ผลิตภัณฑ์อาหารใดบ้างที่ต้องระบุแหล่งกำเนิด?

ในฝรั่งเศสและสหภาพยุโรป (EU) มีกฎระเบียบที่กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อาหารบางประเภทต้องระบุแหล่งกำเนิดอย่างชัดเจน ได้แก่:

  • เนื้อวัว: ต้องระบุประเทศที่เลี้ยงและประเทศที่ทำการฆ่า
  • น้ำผึ้ง: ต้องระบุประเทศที่เก็บรวบรวม
  • น้ำมันมะกอก: ต้องระบุประเทศที่เก็บเกี่ยวผลมะกอกและ/หรือประเทศที่ทำการผลิต
  • ผลไม้และผักสด: ต้องระบุประเทศที่เพาะปลูก

นอกจากนี้: กฎระเบียบของ EU อนุญาตให้ประเทศสมาชิกกำหนดกฎระเบียบเพิ่มเติมสำหรับการระบุแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ ที่ไม่ได้กำหนดไว้ข้างต้น

วิธีการระบุแหล่งกำเนิด?

วิธีการระบุแหล่งกำเนิดขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์อาหารและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยทั่วไปแล้ว จะต้องระบุแหล่งกำเนิดบนฉลากของผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่ชัดเจนและอ่านง่าย

ตัวอย่างเช่น:

  • “ผลิตในฝรั่งเศส”
  • “นำเข้าจากอิตาลี”
  • “เนื้อวัว: เลี้ยงในฝรั่งเศส, ฆ่าในสเปน”

ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ:

ผู้ประกอบการ (ผู้ผลิต, ผู้จัดจำหน่าย, ผู้ขาย) มีหน้าที่รับผิดชอบในการ:

  • ระบุแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหารตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
  • ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและไม่ทำให้เข้าใจผิด
  • สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์อาหารได้

บทลงโทษสำหรับการละเมิดกฎระเบียบ:

ผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับการระบุแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหารอาจต้องเผชิญกับบทลงโทษต่างๆ เช่น:

  • ค่าปรับ
  • การเพิกถอนใบอนุญาต
  • การดำเนินคดีทางอาญา

ข้อมูลเพิ่มเติม:

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการระบุแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหารในฝรั่งเศส สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ DGCCRF ได้ที่: https://www.economie.gouv.fr/dgccrf/les-fiches-pratiques-et-les-faq/lindication-de-lorigine-des-produits-alimentaires

สรุป:

การระบุแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความโปร่งใส ความมั่นใจ และการสนับสนุนท้องถิ่น ผู้บริโภคควรให้ความสำคัญกับข้อมูลนี้เมื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร และผู้ประกอบการควรตระหนักถึงความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

คำแนะนำสำหรับผู้บริโภค:

  • อ่านฉลากอย่างละเอียด: มองหาข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหารที่คุณกำลังจะซื้อ
  • ถามผู้ขาย: หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหาร อย่าลังเลที่จะถามผู้ขาย
  • เลือกซื้อสินค้าจากแหล่งที่เชื่อถือได้: เลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าหรือตลาดที่คุณเชื่อมั่นในคุณภาพและความโปร่งใส

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจเรื่องการระบุแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์อาหารนะคะ!


L’indication de l’origine des produits alimentaires


AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:

เวลา 2025-06-20 10:00 ‘L’indication de l’origine des produits alimentaires’ ได้รับการเผยแพร่ตาม economie.gouv.fr กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย


86

Leave a Comment