
การแถลงการณ์ของวอลเลอร์: ทา ริฟ จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างไรในมุมมองของ Fed
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2565 (เวลา 00:00 น. ตามเวลาสหรัฐอเมริกา) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve Board หรือ FRB) ได้เผยแพร่บทความที่น่าสนใจของสมาชิกคณะผู้ว่าการ Fed คือ คุณคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ (Christopher Waller) ในหัวข้อ “ผลกระทบของภาษีศุลกากรต่อ 3 ไอ: อัตราเงินเฟ้อ, ความต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ” (The Effects of Tariffs on the Three I’s: Inflation, Inflation Persistence, and Inflation Expectations) การแถลงการณ์นี้ให้มุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำงานของ Fed ในการบริหารจัดการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบของนโยบายการค้าอย่างภาษีศุลกากรที่มีต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก
ภาษีศุลกากร: ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
คุณวอลเลอร์ได้อธิบายให้เห็นภาพว่า ภาษีศุลกากร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “การเก็บภาษีนำเข้าสินค้า” นั้น มีผลกระทบมากกว่าแค่การทำให้สินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น แต่ยังโยงใยไปถึง “3 ไอ” ที่เป็นหัวใจหลักของการควบคุมเงินเฟ้อของ Fed นั่นคือ
-
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation): เมื่อมีการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าที่นำเข้า ผู้ผลิตและผู้นำเข้าย่อมต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่แล้ว ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ก็จะถูกผลักภาระไปยังผู้บริโภคในรูปของราคาสินค้าที่แพงขึ้น ซึ่งนี่คือกลไกโดยตรงที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
-
ความต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Persistence): คุณวอลเลอร์ชี้ให้เห็นว่า ภาษีศุลกากรไม่ได้ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว แต่มันสามารถทำให้ภาวะเงินเฟ้อคงอยู่นานขึ้นได้ ลองนึกภาพว่า หากสินค้าจำเป็นต้องนำเข้า และถูกเก็บภาษีอย่างต่อเนื่อง ราคาของสินค้าเหล่านั้นก็จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าเดิมเป็นเวลานาน ส่งผลให้ประชาชนต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงอย่างต่อเนื่อง
-
การคาดการณ์เงินเฟ้อ (Inflation Expectations): สิ่งที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าคือ “การคาดการณ์เงินเฟ้อ” เมื่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจเห็นว่าราคาสินค้ามีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จากนโยบายภาษีศุลกากร พวกเขาก็จะคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ต่อไป การคาดการณ์เช่นนี้อาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ยิ่งซ้ำเติมเงินเฟ้อ เช่น การเรียกร้องค่าแรงที่สูงขึ้น เพื่อให้ทันกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น หรือการขึ้นราคาสินค้าล่วงหน้าของภาคธุรกิจ ซึ่ง Fed จะต้องเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะการคาดการณ์เงินเฟ้อที่หลุดจากการควบคุมนั้นเป็นเรื่องอันตรายต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
มุมมองของ Fed ต่อภาษีศุลกากร
คุณวอลเลอร์ เน้นย้ำว่า Fed ไม่ได้มีหน้าที่ในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการค้าโดยตรง แต่ Fed มีหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพราคา และการรักษาเสถียรภาพราคา ก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงผลกระทบของนโยบายการค้าที่มีต่อเศรษฐกิจ
-
ผลกระทบต่ออุปทาน: ภาษีศุลกากรอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและการนำเข้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุปทานในระบบเศรษฐกิจ เมื่ออุปทานลดลง หรือต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ย่อมส่งผลต่อราคา
-
การประเมินสถานการณ์: Fed จะต้องประเมินอย่างต่อเนื่องว่าภาษีศุลกากรที่นำมาใช้นั้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเป้าหมายหลักของ Fed คือการรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
-
การสื่อสารที่ชัดเจน: Fed ตระหนักดีว่าการสื่อสารที่ชัดเจนเกี่ยวกับมุมมองและแนวทางในการรับมือกับปัญหาต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ การแถลงการณ์ของ คุณวอลเลอร์นี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารดังกล่าว เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจถึงกระบวนการคิดและการทำงานของ Fed
สรุป
การแถลงการณ์ของคุณคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ย้ำให้เห็นว่า นโยบายการค้าอย่างภาษีศุลกากรนั้น มีความเชื่อมโยงอย่างซับซ้อนกับเป้าหมายหลักของ Fed ในการควบคุมเงินเฟ้อ Fed จะต้องเฝ้าติดตามผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ความต่อเนื่องของเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะสามารถดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสม ในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสุดท้ายแล้ว ย่อมส่งผลดีต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อรับคำตอบจาก Google Gemini:
FRB ได้เผยแพร่ ‘Waller, The Effects of Tariffs on the Three I’s: Inflation, Inflation Persistence, and Inflation Expectations’ เมื่อเวลา 2025-06-02 00:00 น. กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดเกี่ยวกับข่าวนี้ รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ในภาษาที่อ่อนโยนและเข้าถึงง่าย กรุณาตอบกลับด้วยบทความภาษาไทยเท่านั้น