แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต้องรับผิดชอบภาษีแทนร้านค้า! กฎใหม่เริ่ม 1 กรกฎาคม 2565,日本貿易振興機構


แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต้องรับผิดชอบภาษีแทนร้านค้า! กฎใหม่เริ่ม 1 กรกฎาคม 2565

ข่าวจากองค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) รายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่น จะต้องรับผิดชอบการยื่นและชำระภาษีอากรขาเข้าและภาษีผู้บริโภคแทนผู้ประกอบการที่มาวางขายสินค้าบนแพลตฟอร์มของตนเอง ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่ออกมาเพื่อปรับปรุงการเก็บภาษีและสนับสนุนการค้าที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น

ทำไมถึงต้องมีกฎใหม่นี้?

ก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการร้านค้าที่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ มักจะรับผิดชอบการดำเนินการด้านภาษีด้วยตนเอง แต่ด้วยรูปแบบการค้าออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผู้ขายจำนวนมากที่อาจจะไม่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษี หรืออาจหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ทำให้เกิดปัญหาดังนี้:

  • ความสับสนและความไม่แน่นอน: ผู้ซื้อสินค้าอาจไม่แน่ใจว่าควรชำระภาษีอย่างไร หรือใครคือผู้รับผิดชอบ ทำให้เกิดความสับสนในการซื้อขาย
  • การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม: ผู้ขายบางรายอาจได้เปรียบจากการหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้ผู้ขายที่ปฏิบัติตามกฎเสียเปรียบ
  • การสูญเสียรายได้ภาษีของรัฐ: การหลีกเลี่ยงภาษีทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้จากการจัดเก็บภาษี

กฎหมายใหม่นี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยการ โอนภาระหน้าที่การเสียภาษีไปให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นตัวกลางที่แข็งแกร่งกว่า และมีศักยภาพในการบริหารจัดการเรื่องภาษีได้ดีกว่า

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต้องทำอะไรบ้าง?

ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มจะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้:

  1. ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล: ตรวจสอบว่าผู้ขายที่มาใช้บริการบนแพลตฟอร์มของตนเองนั้น เป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีอากรขาเข้าและภาษีผู้บริโภคหรือไม่
  2. ยื่นรายการและชำระภาษี: เมื่อมีการนำเข้าสินค้าที่ต้องเสียภาษี จะต้องยื่นรายการเกี่ยวกับสินค้าดังกล่าว และชำระภาษีอากรขาเข้าและภาษีผู้บริโภคต่อกรมศุลกากร แทนผู้ขาย
  3. ดำเนินการกับสินค้าที่ถูกระงับ: หากมีสินค้าที่ถูกระงับเนื่องจากปัญหาด้านภาษี แพลตฟอร์มจะต้องดำเนินการจัดการกับสินค้าเหล่านั้นตามกฎหมาย

ประโยชน์ของกฎหมายใหม่:

  • อำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อ: ผู้ซื้อไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียภาษีอีกต่อไป เพราะแพลตฟอร์มจะเป็นผู้จัดการให้
  • สร้างความเป็นธรรมในการแข่งขัน: ทุกธุรกิจที่ขายสินค้าออนไลน์จะอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน ทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างยุติธรรม
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี: รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษี
  • ส่งเสริมการค้าออนไลน์อย่างยั่งยืน: กฎหมายนี้จะช่วยสร้างระบบนิเวศของการค้าออนไลน์ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือในระยะยาว

ผลกระทบต่อธุรกิจ:

สำหรับผู้ประกอบการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ อาจจะต้องมีการปรับปรุงระบบงานภายในเพื่อรองรับภาระหน้าที่ใหม่นี้ ซึ่งอาจรวมถึงการลงทุนในระบบการจัดการภาษี หรือการจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตามกฎหมายใหม่นี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพให้กับแพลตฟอร์ม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตในระยะยาว

ข่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลญี่ปุ่นในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจยุคดิจิทัล และมุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่โปร่งใสและเป็นธรรมสำหรับทุกภาคส่วน


ECプラットフォーム事業者、7月1日から出店者に代わり納税義務化


AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:

เวลา 2025-06-26 04:20 ‘ECプラットフォーム事業者、7月1日から出店者に代わり納税義務化’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย

Leave a Comment