
แน่นอนครับ นี่คือบทความโดยละเอียดเกี่ยวกับข่าวที่เผยแพร่โดย JETRO ในหัวข้อ “ปริมาณเรือที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุซยังคงที่ แต่ช่องแคบแดงและอ่าวเอเดนลดลงต่ำสุดตั้งแต่ปี 2019” ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายครับ
วิเคราะห์สถานการณ์เส้นทางเดินเรือสำคัญ: ช่องแคบแดงและอ่าวเอเดนปริมาณเรือลดต่ำสุดในรอบ 6 ปี ช่องแคบฮอร์มุซยังคงที่
กรุงเทพฯ, 30 มิถุนายน 2568 – องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ได้เผยแพร่ข้อมูลล่าสุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับปริมาณการเดินเรือในเส้นทางทางทะเลที่สำคัญสองเส้นทาง ได้แก่ ช่องแคบแดง (Red Sea) และอ่าวเอเดน (Gulf of Aden) กับช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) โดยระบุว่า ปริมาณเรือที่ผ่านช่องแคบแดงและอ่าวเอเดนในช่วงต้นปี 2025 ปรับตัวลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2019 ในขณะที่ปริมาณเรือที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุซยังคงมีเสถียรภาพและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาค และส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินเรือของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทั่วโลก
ช่องแคบแดงและอ่าวเอเดน: ปริมาณเรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากรายงานของ JETRO ปริมาณเรือที่ใช้เส้นทางผ่านช่องแคบแดงและอ่าวเอเดน ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนผ่านคลองสุเอซ ถือเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญยิ่งสำหรับการค้าระหว่างเอเชีย ยุโรป และแอฟริกาตะวันออก
การลดลงของปริมาณเรือที่ผ่านเส้นทางนี้สู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2019 บ่งชี้ถึงปัจจัยสำคัญหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในบริเวณดังกล่าว ได้แก่:
- ความกังวลด้านความปลอดภัย: สถานการณ์ความไม่สงบที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคโดยรอบช่องแคบแดงและอ่าวเอเดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีเรือสินค้าโดยกลุ่มติดอาวุธในทะเลแดง ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเกิดความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของเรือและสินค้า ทำให้หลายบริษัทเลือกที่จะหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว
- การปรับเปลี่ยนเส้นทาง: เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ผู้ประกอบการขนส่งจำนวนมากได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ โดยเลือกอ้อมผ่านทวีปแอฟริกาทางด้านใต้ คือ การเดินทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) แทนการผ่านคลองสุเอซและช่องแคบแดง แม้ว่าการเดินทางจะยาวนานขึ้นและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ปลอดภัยกว่า
- ผลกระทบต่อการขนส่ง: การปรับเปลี่ยนเส้นทางดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อระยะเวลาและต้นทุนการขนส่งสินค้า ทำให้สินค้าอาจถึงปลายทางล่าช้ากว่ากำหนด และมีค่าใช้จ่ายในการเดินเรือที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาสินค้าในตลาดปลายทาง
ช่องแคบฮอร์มุซ: การไหลเวียนของเรือยังคงที่
ในทางตรงกันข้าม สถานการณ์ของช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ยังคงแสดงให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพ โดยปริมาณเรือที่ผ่านช่องแคบนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ผันผวนมากนัก
ช่องแคบฮอร์มุซเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่ออ่าวเปอร์เซียกับอ่าวโอมาน และเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ไปยังตลาดทั่วโลก การที่ปริมาณเรือยังคงที่นี้อาจตีความได้หลายประการ:
- ความสำคัญที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้: เนื่องจากช่องแคบฮอร์มุซเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งพลังงานจากภูมิภาคตะวันออกกลาง การปรับเปลี่ยนเส้นทางจึงเป็นไปได้ยากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเรือบรรทุกน้ำมันและก๊าซ
- การบริหารจัดการความเสี่ยง: ผู้ประกอบการอาจมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้น หรืออาจมีการปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น เพื่อให้การเดินเรือในช่องแคบนี้ยังคงดำเนินต่อไปได้ตามปกติ แม้จะมีความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคบ้างก็ตาม
- ความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรม: อุตสาหกรรมพลังงานและขนส่งมีการปรับตัวและมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ทำให้สามารถรักษาระดับการขนส่งได้ในระดับที่คงที่
ข้อคิดเห็นและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ข้อมูลจาก JETRO นี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดความขัดแย้งหรือความไม่สงบในภูมิภาคที่สำคัญต่อการขนส่ง
- ผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ: การลดลงของปริมาณเรือในช่องแคบแดงและอ่าวเอเดนอาจส่งผลต่อปริมาณการค้าโดยรวมระหว่างเอเชียกับยุโรป โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องขนส่งผ่านคลองสุเอซ
- ต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น: การอ้อมเส้นทางขนส่งย่อมหมายถึงต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและวัตถุดิบต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
- ความสำคัญของความปลอดภัย: ข้อมูลนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยในเส้นทางเดินเรือหลักของโลก และความจำเป็นในการร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค
นักวิเคราะห์และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมขนส่งกำลังจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบระยะยาวและวางแผนกลยุทธ์การเดินเรือให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป การรักษาเสถียรภาพและความปลอดภัยในเส้นทางเดินเรือเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกต่อไปครับ.
紅海とアデン湾間の通過隻数は2019年以降最低水準、ホルムズ海峡は大きな変動なし
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-06-30 07:20 ‘紅海とアデン湾間の通過隻数は2019年以降最低水準、ホルムズ海峡は大きな変動なし’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย