
แน่นอนครับ นี่คือบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบที่อ่อนโยน เกี่ยวกับข่าวที่เผยแพร่โดย Peace and Security ของ UN News เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025 เวลา 12:00 น. ในหัวข้อ ‘Adhering to bans on mines only in peace time will not work: UN rights chief’ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘การยึดมั่นในข้อห้ามทุ่นระเบิดในช่วงเวลาสันติเท่านั้น จะไม่สามารถใช้การได้: หัวหน้าสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ’
เสียงจากสหประชาชาติ: ทุ่นระเบิดคือฝันร้ายที่ไม่จำกัดเฉพาะยามสงคราม การปกป้องชีวิตต้องทำอย่างต่อเนื่อง
ในวันที่ 2 กรกฎาคม ปี 2025 หัวหน้าสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ส่งเสียงเตือนที่สำคัญและจริงจังต่อประชาคมโลก ผ่านทางสำนักข่าวแห่งสหประชาชาติ (UN News) ในส่วนของหัวข้อ สันติภาพและความมั่นคง โดยเน้นย้ำว่า “การยึดมั่นในข้อห้ามทุ่นระเบิดในช่วงเวลาสันติเท่านั้น จะไม่สามารถใช้การได้” ถ้อยแถลงนี้เป็นเสมือนการปลุกเร้าให้เราทุกคนหันมาตระหนักถึงความโหดร้ายและผลกระทบอันยาวนานของทุ่นระเบิดที่ยังคงแฝงตัวอยู่ในผืนดินทั่วโลก ไม่ว่าในช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งหรือเมื่อโลกได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็ตาม
ทุ่นระเบิด: มรดกอันโหดร้ายที่คร่าชีวิตและทำลายอนาคต
ทุ่นระเบิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุ่นระเบิดสังหาร หรือ Anti-personnel mines คืออาวุธที่ไร้มนุษยธรรมโดยสิ้นเชิง ด้วยลักษณะการทำงานที่ออกแบบมาเพื่อทำลายล้างหรือทำให้ผู้คนพิการอย่างรุนแรง โดยไม่สามารถแยกแยะระหว่างนักรบหรือพลเรือนได้ ทุ่นระเบิดเหล่านี้เป็นมรดกอันเลวร้ายที่ถูกทิ้งไว้หลังจากความขัดแย้งสงบลง และยังคงสร้างความหวาดกลัวและความสูญเสียให้กับผู้บริสุทธิ์มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
สิ่งที่หัวหน้าสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติทรงชี้ให้เห็นนั้น เป็นความจริงที่เจ็บปวด นั่นคือ การมีผลบังคับใช้ของข้อห้ามหรือสนธิสัญญาต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิด เพียงแค่ในช่วงเวลาที่มีสงครามเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาที่แท้จริงได้ เพราะเมื่อสงครามสิ้นสุดลง ทุ่นระเบิดเหล่านั้นก็ยังคงหลงเหลืออยู่ภายใต้ผืนดิน พร้อมที่จะปลิดชีวิตผู้คน หรือทำลายอวัยวะสำคัญของผู้ที่โชคร้ายไปสัมผัส
ผลกระทบที่กว้างขวางเกินกว่าการหยุดยิง
ผลกระทบของทุ่นระเบิดไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาวอีกด้วย
- การสูญเสียชีวิตและร่างกาย: ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้พิการจากทุ่นระเบิดทั่วโลกยังคงน่าเป็นห่วง พลเรือนจำนวนมาก รวมถึงเด็กๆ กลายเป็นเหยื่อของกับดักมรณะเหล่านี้อย่างไม่ตั้งใจ
- การกีดกันทางสังคมและเศรษฐกิจ: พื้นที่ที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดจะกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงที่ดินเพื่อการเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และการบริการสาธารณสุข ทำให้ชุมชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
- การขัดขวางการพัฒนา: การขาดแคลนที่ดินที่ปลอดภัยสำหรับการเพาะปลูกและการทำมาหากิน ทำให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบถูกจำกัดอย่างมาก
- ผลกระทบทางจิตใจ: ผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ทุ่นระเบิด มักต้องเผชิญกับความบอบช้ำทางจิตใจ ตลอดจนความยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่
ความจำเป็นในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง: สันติภาพที่แท้จริงคือการไร้ซึ่งทุ่นระเบิด
หัวหน้าสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ย้ำเตือนว่า การที่จะบรรลุสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องมีการดำเนินการที่ครอบคลุมและต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่การหยุดยิง หรือการประกาศยุติสงครามเท่านั้น แต่ต้องรวมถึง:
- การกำจัดทุ่นระเบิดอย่างถาวร: การกวาดล้างและทำลายทุ่นระเบิดที่ยังคงฝังอยู่ในดิน เป็นภารกิจที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งยวด ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาชาติ ทั้งในด้านงบประมาณ ความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยี
- การให้ความรู้และการเตือนภัย: การให้ความรู้แก่ชุมชนที่เสี่ยงภัยเกี่ยวกับอันตรายของทุ่นระเบิด และวิธีการหลีกเลี่ยง ถือเป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญ
- การช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัย: การสนับสนุนทางการแพทย์ การบำบัดฟื้นฟู และการให้โอกาสแก่ผู้พิการจากทุ่นระเบิดในการกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าในสังคม
- การบังคับใช้และเสริมสร้างสนธิสัญญา: การสนับสนุนและส่งเสริมให้ประเทศต่างๆ เข้าร่วมและปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ การผลิต การสะสม และการทำลายทุ่นระเบิดสังหาร (Ottawa Treaty) อย่างเคร่งครัด
การเรียกร้องสู่การลงมือทำ
เสียงของหัวหน้าสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเป็นเสมือนการปลุกจิตสำนึกให้เราไม่ละเลยหน้าที่ในการสร้างโลกที่ปลอดภัยจากทุ่นระเบิด การต่อสู้กับมรดกอันโหดร้ายนี้ไม่ใช่ภารกิจของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของมนุษยชาติ การดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องในการกำจัดทุ่นระเบิดและการสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบ คือการสร้างหลักประกันว่า “สันติภาพ” ที่เราปรารถนา จะเป็นสันติภาพที่แท้จริง ปราศจากเงาแห่งความตายที่ซุ่มซ่อนอยู่ใต้ผืนดิน และทำให้ทุกชีวิตสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างปลอดภัยและมีความหวัง
Adhering to bans on mines only in peace time will not work: UN rights chief
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-07-02 12:00 ‘Adhering to bans on mines only in peace time will not work: UN rights chief’ ได้รับการเผยแพร่โดย Peace and Security กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่อ่อนโยน กรุณาตอบเป็นภาษาไทยโดยมีบทความเท่านั้น