
ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี 35% กับแคนาดา: ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ
สำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว (JETRO) ได้รายงานเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 (เวลา 06:00 น.) ถึงข่าวที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ได้แจ้งให้แคนาดาทราบถึงแผนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาในอัตรา 35% โดยข่าวนี้สร้างความกังวลและสั่นคลอนความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่มีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้น
ที่มาของเรื่อง:
ข่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “America First” ของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ และลดการขาดดุลทางการค้ากับประเทศคู่ค้า การขึ้นภาษีนี้มีเป้าหมายที่จะกดดันให้แคนาดาปรับเปลี่ยนนโยบายทางการค้า หรืออาจเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองในข้อตกลงทางการค้าระหว่างสองประเทศ
ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น:
การขึ้นภาษีนำเข้าในอัตรา 35% จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อภาคธุรกิจที่พึ่งพาการค้าระหว่างกัน ดังนี้:
-
สำหรับแคนาดา:
- ภาคอุตสาหกรรม: สินค้าส่งออกที่สำคัญของแคนาดา เช่น รถยนต์ ผลิตภัณฑ์เกษตร และสินค้าป่าไม้ จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ลดลงอย่างมาก ผู้ผลิตอาจต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หรือต้องลดการผลิต ส่งผลต่อการจ้างงาน
- การลงทุน: ความไม่แน่นอนทางการค้าอาจทำให้นักลงทุนลังเลที่จะลงทุนในแคนาดา เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลกำไรในอนาคต
- ผู้บริโภค: ราคาสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ราคาสินค้าภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
-
สำหรับสหรัฐอเมริกา:
- ภาคอุตสาหกรรม: แม้เป้าหมายคือการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่สินค้าบางประเภทที่สหรัฐฯ ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากแคนาดา อาจประสบปัญหาขาดแคลน หรือมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
- ภาคค้าปลีก: ผู้บริโภคชาวอเมริกันอาจต้องเผชิญกับราคาสินค้าที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากแคนาดา
- ความสัมพันธ์ทางการค้า: การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความร่วมมือทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาในระยะยาว
ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา:
สหรัฐอเมริกาและแคนาดามีความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการค้ารวมกันหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แคนาดาเป็นคู่ค้าที่สำคัญอันดับต้นๆ ของสหรัฐฯ และเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าที่หลากหลาย การขึ้นภาษีครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทานและตลาดแรงงานของทั้งสองประเทศ
ข้อตกลงทางการค้าเดิม (NAFTA):
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองประเทศมีข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ซึ่งปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงใหม่เป็น USMCA (United States-Mexico-Canada Agreement) การดำเนินการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ อาจเป็นการละเมิดข้อตกลงดังกล่าว หรือเป็นการใช้เครื่องมือในการเจรจาต่อรองเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของสหรัฐฯ
บทบาทของ JETRO:
JETRO ในฐานะหน่วยงานส่งเสริมการค้าของญี่ปุ่น มีบทบาทในการติดตามข่าวสารและสถานการณ์ทางการค้าทั่วโลก เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ภาคธุรกิจญี่ปุ่น การรายงานข่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการจับตาดูความเคลื่อนไหวทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
สิ่งที่ต้องจับตาต่อไป:
การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการขึ้นภาษี และการตอบสนองของรัฐบาลแคนาดาจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศ การเจรจาทางการค้าและการหาข้อตกลงร่วมกันจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการลดผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจของทั้งสองฝ่าย และรักษาความสัมพันธ์อันดีในระยะยาว
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-07-11 06:00 ‘トランプ米大統領、カナダに35%の追加関税を通告’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย