
ราคาขนส่งข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกลดลง หลังช่วงพีคหมดเร็วกว่าที่คาดการณ์ – อัปเดตวันที่ 1 กรกฎาคม 2565
ตลาดการขนส่งทางเรือในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พบกับแนวโน้มที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก (Transpacific) ที่ราคาค่าขนส่งเริ่มปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สวนทางกับที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่าช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง (peak season) จะยืดเยื้อไปจนถึงช่วงปลายปี
ข้อมูลล่าสุดจาก Freightos Blog เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ชี้ให้เห็นว่า อัตราค่าขนส่งในเส้นทางหลักระหว่างเอเชียและสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่ช่วงขาลงเร็วกว่าที่ประเมินไว้ โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้มีหลายประการที่น่าพิจารณา
สาเหตุของการปรับลดลงของอัตราค่าขนส่ง:
- ความต้องการที่ลดลงเร็วกว่าคาด: แม้ว่าโดยปกติแล้วช่วงฤดูร้อนและก่อนช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีจะเป็นช่วงที่มีความต้องการขนส่งสินค้าสูง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกักตุนสินค้าเพื่อเตรียมพร้อม แต่สำหรับปีนี้ ดูเหมือนว่าความต้องการดังกล่าวจะเริ่มชะลอตัวลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคหลายประการ
- ภาวะเงินเฟ้อและกำลังซื้อที่ลดลง: สถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังคงมีแนวโน้มสูงในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค เมื่อผู้บริโภคมีอำนาจซื้อลดลง ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคย่อมลดน้อยลงตามไปด้วย ทำให้ความต้องการในการขนส่งสินค้าเพื่อตอบสนองอุปสงค์เหล่านั้นลดลงตามไปด้วยเช่นกัน
- การปรับตัวของสินค้าคงคลัง: ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตบางรายอาจได้มีการปรับระดับสินค้าคงคลังของตนให้เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับความล่าช้าในการขนส่งและการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อสถานการณ์การขนส่งเริ่มคลี่คลายลงและสินค้าที่สั่งไว้ทยอยเข้าสู่ตลาด ผู้ค้าเหล่านี้อาจมีสินค้าคงคลังที่มากเกินพอ ทำให้การสั่งซื้อสินค้าใหม่ลดน้อยลง
- การกลับมาของอุปทานที่มากขึ้น: แม้ว่าปัญหาคอขวดที่ท่าเรือและกำลังการผลิตของเรือขนส่งจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอุปทานของตู้คอนเทนเนอร์และระวางเรือเริ่มมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในบางเส้นทาง ส่งผลให้การแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการขนส่งสูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การปรับลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า
- ปัจจัยตามฤดูกาลและแนวโน้มระยะสั้น: การปรับลดลงของอัตราค่าขนส่งในครั้งนี้ อาจเป็นเพียงการปรับฐานตามฤดูกาล หรือเป็นการตอบสนองต่อสภาวะตลาดในระยะสั้นที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยังคงต้องจับตาดูแนวโน้มในระยะกลางและระยะยาวอย่างใกล้ชิด
ผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง:
- ผู้ส่งออกและผู้นำเข้า: การลดลงของอัตราค่าขนส่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องพึ่งพาการขนส่งทางเรือ เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์โดยตรง ซึ่งอาจส่งผลให้สามารถตั้งราคาสินค้าที่สามารถแข่งขันได้มากขึ้น หรือมีกำไรที่ดีขึ้น
- ผู้ให้บริการขนส่ง: ผู้ให้บริการขนส่งทางเรืออาจเผชิญกับแรงกดดันด้านผลกำไรที่มากขึ้นในช่วงเวลานี้ เนื่องจากอัตราค่าระวางที่ลดลง อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการต้นทุนและประสิทธิภาพการดำเนินงานยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์นี้
- ผู้บริโภค: ในระยะยาว การลดลงของต้นทุนโลจิสติกส์อาจส่งผลดีต่อผู้บริโภค โดยอาจเห็นราคาสินค้านำเข้ามีเสถียรภาพหรือมีแนวโน้มลดลงตามต้นทุนที่ลดลง
แนวโน้มในอนาคต:
แม้ว่าราคาค่าขนส่งจะเริ่มปรับลดลงในเส้นทาง Transpacific แต่สภาวะตลาดการขนส่งทางเรือยังคงมีความผันผวนและมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อ นโยบายของรัฐบาล และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การปรับตัวของอุปสงค์และอุปทานที่สมดุลมากขึ้นจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในอนาคต
โดยสรุป การปรับลดลงของอัตราค่าขนส่งในเส้นทาง Transpacific เป็นสัญญาณที่น่าสนใจว่าตลาดอาจกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการปรับฐาน หลังจากที่ต้องเผชิญกับสภาวะความต้องการที่สูงและต้นทุนที่พุ่งสูงมาเป็นเวลานาน การติดตามข้อมูลและวิเคราะห์แนวโน้มอย่างต่อเนื่องจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการขนส่งและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศเพื่อวางแผนและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
Transpac rates slide on early end to peak surge – July 01, 2025 Update
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-07-01 14:45 ‘Transpac rates slide on early end to peak surge – July 01, 2025 Update’ ได้รับการเผยแพร่โดย Freightos Blog กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่อ่อนโยน กรุณาตอบเป็นภาษาไทยโดยมีบทความเท่านั้น