เกาหลีใต้ระส่ำ! รับลูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้า จี้เร่งประชุมหารือมาตรการรับมือ,日本貿易振興機構


เกาหลีใต้ระส่ำ! รับลูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้า จี้เร่งประชุมหารือมาตรการรับมือ

โตเกียว, 11 กรกฎาคม 2568 – สถาบันส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) รายงานข่าวสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกาหลีใต้ เมื่อรัฐบาลเกาหลีใต้ได้เร่งจัดประชุมหารืออย่างต่อเนื่องภายหลังได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าความตึงเครียดทางการค้ากำลังทวีความรุนแรงขึ้น

บทความจาก JETRO ฉบับวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ระบุว่า การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลอย่างยิ่งของรัฐบาลเกาหลีใต้ต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ แม้ว่ารายละเอียดของสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่การดำเนินการของสหรัฐฯ ครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าสหรัฐฯ กำลังดำเนินมาตรการทางการค้าที่เข้มงวดมากขึ้นกับประเทศคู่ค้า

เหตุใดเกาหลีใต้จึงกังวล?

สาเหตุหลักที่เกาหลีใต้แสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เนื่องมาจากความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นและซับซ้อนระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับสินค้าเกาหลีใต้หลากหลายประเภท ตั้งแต่สินค้าอุตสาหกรรมหนัก เช่น รถยนต์ เหล็ก เคมีภัณฑ์ ไปจนถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจเกาหลีใต้

การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกาหลีใต้ในตลาดสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และอาจส่งผลให้ปริมาณการส่งออกลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภาคการผลิต การจ้างงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้

มาตรการที่คาดว่าเกาหลีใต้จะพิจารณา

แม้ว่าข้อมูลในข่าวจะไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถคาดการณ์ได้ว่ารัฐบาลเกาหลีใต้จะพิจารณาแนวทางต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ ดังนี้:

  1. การเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ: เป็นแนวทางแรกที่ทุกประเทศจะพิจารณา คือการพยายามเจรจาโดยตรงกับสหรัฐฯ เพื่อขอทบทวนหรือยกเลิกการขึ้นภาษี หรืออย่างน้อยก็เจรจาขอผ่อนปรนสำหรับสินค้าบางประเภท
  2. การหาตลาดส่งออกใหม่: หากการเจรจาไม่เป็นผล เกาหลีใต้จำเป็นต้องเร่งหาตลาดส่งออกทางเลือกอื่นๆ เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ แต่การหาตลาดใหม่และสร้างฐานลูกค้าใหม่ย่อมต้องใช้เวลาและทรัพยากร
  3. การสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมภายใน: รัฐบาลอาจพิจารณามาตรการสนับสนุนผู้ผลิตภายในประเทศ เช่น การลดหย่อนภาษี การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดผลกระทบจากการสูญเสียตลาดสหรัฐฯ
  4. การใช้กลไกการค้าพหุภาคี: เกาหลีใต้อาจพิจารณาการใช้เวทีองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียน หรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ หากเห็นว่าขัดต่อกฎเกณฑ์ทางการค้าระหว่างประเทศ
  5. การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ: ในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ อาจเป็นแรงกระตุ้นให้เกาหลีใต้ต้องทบทวนและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของตนเองให้มีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดโลกได้ดียิ่งขึ้น

บริบทของสงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์

การดำเนินการของสหรัฐฯ ครั้งนี้เกิดขึ้นในบริบทที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง การขึ้นภาษีกับเกาหลีใต้อาจเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่ใหญ่กว่าของสหรัฐฯ ในการปรับสมดุลทางการค้า และอาจเกี่ยวข้องกับประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ ด้วย

ผลกระทบจากการประชุมอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลเกาหลีใต้ครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องภายในของเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณที่ต้องจับตามองสำหรับเศรษฐกิจโลก และความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศต่างๆ ที่อาจต้องปรับตัวตามสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปนี้.


韓国政府、米国の追加関税通告受け対策会議を相次いで開催


AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:

เวลา 2025-07-11 01:20 ‘韓国政府、米国の追加関税通告受け対策会議を相次いで開催’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย

Leave a Comment