การปฏิรูปโครงข่ายไฟฟ้า: หัวใจสำคัญของการลดคาร์บอนในภาคยานยนต์,SMMT


การปฏิรูปโครงข่ายไฟฟ้า: หัวใจสำคัญของการลดคาร์บอนในภาคยานยนต์

ลอนดอน, 11 กรกฎาคม 2568 – สมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ายานยนต์แห่งสหราชอาณาจักร (Society of Motor Manufacturers and Traders: SMMT) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิรูปโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Reform) ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนภาคยานยนต์ของสหราชอาณาจักรไปสู่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ (Decarbonisation)

การเปลี่ยนแปลงไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles: EVs) เป็นหัวใจหลักของกลยุทธ์การลดคาร์บอนในภาคยานยนต์ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและก๊าซเรือนกระจกจากการคมนาคมขนส่ง อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้าในการรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก

ความท้าทายที่รออยู่:

  • การเพิ่มขึ้นของความต้องการพลังงาน: การที่ครัวเรือนและธุรกิจหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น จะส่งผลให้ความต้องการไฟฟ้าโดยรวมสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โครงข่ายไฟฟ้าในปัจจุบันอาจต้องเผชิญกับภาระงานที่หนักขึ้นในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูงสุด
  • ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน: การติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่โครงข่ายไฟฟ้าอาจยังไม่ทันสมัยพอ เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องเร่งดำเนินการ
  • การบูรณาการพลังงานหมุนเวียน: แม้ว่าพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ จะเป็นส่วนสำคัญในการผลิตไฟฟ้าที่สะอาด แต่การจัดการกับความไม่แน่นอนของการผลิตพลังงานเหล่านี้ (เช่น สภาพอากาศ) และการส่งพลังงานไปยังจุดที่ต้องการ ก็เป็นเรื่องที่ซับซ้อน

การปฏิรูปโครงข่ายไฟฟ้า: ทางออกที่จำเป็น

SMMT ชี้ให้เห็นว่า การลงทุนและการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้สามารถรองรับการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การปฏิรูปนี้ควรครอบคลุมในหลายมิติ:

  1. การเพิ่มขีดความสามารถของโครงข่าย: การลงทุนในสายส่งและสถานีไฟฟ้าที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับกระแสไฟฟ้าปริมาณมาก และกระจายพลังงานไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. การพัฒนาระบบการจัดการโหลดอัจฉริยะ (Smart Grid): ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะจะช่วยให้สามารถจัดการและควบคุมการไหลของพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีความต้องการพลังงานต่ำ หรือในช่วงที่พลังงานหมุนเวียนมีมากเกินกว่าความต้องการ
  3. การส่งเสริมการชาร์จแบบอัจฉริยะ (Smart Charging): การพัฒนาระบบที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตั้งเวลาการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่ค่าไฟฟ้าถูกลง หรือในช่วงที่มีพลังงานหมุนเวียนเพียงพอ ซึ่งจะช่วยลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้า
  4. การสนับสนุนการกระจายพลังงาน (Decentralised Energy): การส่งเสริมการผลิตพลังงานในระดับท้องถิ่น เช่น ผ่านแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ควบคู่ไปกับการติดตั้งแบตเตอรี่สำรอง จะช่วยลดภาระการส่งพลังงานระยะไกล และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบ
  5. การปรับปรุงกฎระเบียบและการสนับสนุนจากภาครัฐ: การมีนโยบายที่ชัดเจนและส่งเสริมการลงทุนในโครงข่ายไฟฟ้า รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการขออนุญาตต่างๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

มุมมองจากภาคอุตสาหกรรม:

ตัวแทนจาก SMMT กล่าวว่า “ภาคยานยนต์ของสหราชอาณาจักรพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งยานยนต์ไร้มลพิษ แต่เราไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง การลงทุนในโครงข่ายไฟฟ้าจะต้องดำเนินไปควบคู่กับการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า การปฏิรูปโครงข่ายไฟฟ้าไม่ใช่เพียงแค่เรื่องทางเทคนิค แต่เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคตที่ยั่งยืนของภาคยานยนต์และการเดินทางของทุกคน”

การให้ความสำคัญกับการปฏิรูปโครงข่ายไฟฟ้าในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักของภาคอุตสาหกรรมต่อความท้าทายที่รออยู่ และเป็นเสียงเรียกร้องให้เกิดการลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อให้มั่นใจว่าสหราชอาณาจักรจะบรรลุเป้าหมายด้านการลดคาร์บอน และสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่.


Grid reform critical to decarbonise auto sector


AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:

เวลา 2025-07-11 08:20 ‘Grid reform critical to decarbonise auto sector’ ได้รับการเผยแพร่โดย SMMT กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่อ่อนโยน กรุณาตอบเป็นภาษาไทยโดยมีบทความเท่านั้น

Leave a Comment