อัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน 2567 ลดลงสู่ 2.10% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี 5 เดือน,日本貿易振興機構


อัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน 2567 ลดลงสู่ 2.10% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี 5 เดือน

ข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่น! องค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ได้เผยแพร่รายงานที่น่าสนใจเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนมิถุนายน 2567 ได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (Year-on-Year) ซึ่งถือเป็น ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี 5 เดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2562

ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการชะลอตัวของภาวะเงินเฟ้อในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดลงของอัตราเงินเฟ้อ:

  • ราคาพลังงานที่ปรับลดลง: หนึ่งในปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการลดลงของเงินเฟ้อ คือ ราคาพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดิบ ที่มีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา การลดลงของราคาน้ำมันส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง ซึ่งโดยปกติแล้วจะส่งผ่านไปยังราคาสินค้าและบริการต่างๆ
  • การแข็งค่าของเงินเยน: แม้ว่าจะไม่ชัดเจนเท่าปัจจัยด้านพลังงาน แต่ การแข็งค่าของเงินเยนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ก็อาจมีส่วนช่วยในการลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเช่นกัน เมื่อเงินเยนแข็งค่าขึ้น การนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ จะมีต้นทุนที่ถูกลง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าปรับลดลงตามไปด้วย
  • การเปรียบเทียบกับฐานที่สูงในปีที่แล้ว: ต้องพิจารณาถึง ฐานอัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างสูงในปี 2566 ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น และการอ่อนค่าของเงินเยน การที่อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ลดลงมานั้น ส่วนหนึ่งมาจากผลของการเปรียบเทียบกับฐานที่สูงในปีก่อนหน้านั่นเอง

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น:

การที่อัตราเงินเฟ้อปรับลดลงสู่ระดับต่ำนี้ มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นในหลายมิติ:

  • การรักษาอำนาจซื้อของผู้บริโภค: อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำลงหมายความว่า ราคาสินค้าและบริการโดยรวมไม่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลดีต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ช่วยให้ผู้คนยังคงสามารถใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องกังวลกับค่าครองชีพที่พุ่งสูง
  • ความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ: สำหรับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) การที่เงินเฟ้อไม่สูงเกินไป อาจเปิดช่องว่างให้ รักษามาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน หรืออาจพิจารณาการผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ หากเศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงขาลง อย่างไรก็ตาม BOJ ก็ยังคงจับตาดูทิศทางเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินจังหวะที่เหมาะสมในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
  • ผลต่อภาคธุรกิจ: ธุรกิจบางประเภทอาจได้รับผลกระทบจากการที่ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานปรับลดลง ซึ่งอาจหมายถึง กำไรที่ลดลง ในขณะเดียวกัน ธุรกิจที่ต้องพึ่งพากำลังซื้อของผู้บริโภค อาจได้รับประโยชน์จากการที่ผู้บริโภคยังคงมีกำลังซื้ออยู่
  • ความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ: แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง แต่เป้าหมายหลักของ BOJ คือ การรักษาเสถียรภาพของราคาในระดับประมาณ 2% อย่างต่อเนื่อง การที่อัตราเงินเฟ้อลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้การบรรลุเป้าหมายนี้มีความท้าทายมากขึ้น หากไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาสนับสนุน

มุมมองอนาคต:

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยปัจจัยสำคัญที่จะจับตาดูคือ สถานการณ์ราคาพลังงานทั่วโลก และ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อค่าเงินเยนและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในญี่ปุ่น

ขณะที่รายงานนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภค แต่ BOJ ก็ยังคงต้องดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ เพื่อให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป

ข้อมูลอ้างอิง:

  • JETRO (องค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น): https://www.jetro.go.jp/biznews/2025/07/b5dc2c2a048f2ce2.html
  • วันที่เผยแพร่: 2025-07-18 06:55
  • หัวข้อข่าว: ‘6月のインフレ率は前年同月比2.10%に低下、6年5カ月ぶりの低水準’ (อัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนลดลง 2.10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี 5 เดือน)

6月のインフレ率は前年同月比2.10%に低下、6年5カ月ぶりの低水準


AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:

เวลา 2025-07-18 06:55 ‘6月のインフレ率は前年同月比2.10%に低下、6年5カ月ぶりの低水準’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย

Leave a Comment