สหรัฐฯ สิ้นสุดยุค “สงครามการค้า” มุ่งเป้า “การสร้างงาน” และ “ลดการขาดดุล” แทนการเซ็นข้อตกลงการค้า,日本貿易振興機構


สหรัฐฯ สิ้นสุดยุค “สงครามการค้า” มุ่งเป้า “การสร้างงาน” และ “ลดการขาดดุล” แทนการเซ็นข้อตกลงการค้า

โตเกียว, 18 กรกฎาคม 2567 – องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) รายงานข่าวสำคัญจากสหรัฐอเมริกาว่า นางแคทเธอรีน ไท่ (Katherine Tai) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้ประกาศถึงการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ โดยเน้นเป้าหมายหลักที่ “การแก้ไขปัญหาการขาดดุลทางการค้า” และ “การส่งเสริมการผลิตในประเทศ (Reshoring)” แทนการให้ความสำคัญกับการบรรลุข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วงเวลาที่เธอดำรงตำแหน่ง

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าสหรัฐฯ กำลังถอยห่างจากแนวทาง “สงครามการค้า” ที่เข้มข้นมาหลายปี และหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่แรงงานและภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น

ทำไมสหรัฐฯ ถึงปรับเปลี่ยนนโยบาย?

มีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางทางการค้า:

  • ผลกระทบจากการขาดดุลทางการค้า: สหรัฐฯ ประสบปัญหาการขาดดุลทางการค้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่ามูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการมีมากกว่ามูลค่าการส่งออก ทำให้เงินทุนไหลออกนอกประเทศ นำไปสู่ผลกระทบต่อการจ้างงานและศักยภาพการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมภายใน
  • ความต้องการสร้างงานในประเทศ: ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประสบกับปัญหาการย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศ ส่งผลให้เกิดการสูญเสียตำแหน่งงานในภาคการผลิต การมุ่งเน้นการส่งเสริมการผลิตในประเทศ (Reshoring) จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการสร้างงาน สร้างรายได้ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
  • บทเรียนจากข้อตกลงการค้า: แม้ว่าสหรัฐฯ จะเคยบรรลุข้อตกลงการค้ากับหลายประเทศ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเสมอไป บางข้อตกลงอาจไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดดุล หรือไม่ได้ส่งเสริมภาคการผลิตในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ การทบทวนและปรับเปลี่ยนแนวทางจึงเป็นสิ่งจำเป็น
  • บริบททางภูมิรัฐศาสตร์: สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานโลกจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้สหรัฐฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาประเทศอื่นมากเกินไป

เป้าหมายใหม่ของการค้าสหรัฐฯ:

ภายใต้การนำของนางไท่ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ จะมุ่งเน้นไปที่:

  1. การแก้ไขปัญหาการขาดดุลทางการค้า: สหรัฐฯ จะใช้เครื่องมือทางการค้าต่างๆ เช่น การเจรจาภาษี การทบทวนข้อตกลงทางการค้าที่มีอยู่ และการบังคับใช้กฎหมายทางการค้าอย่างเข้มงวด เพื่อลดการขาดดุลทางการค้ากับประเทศต่างๆ
  2. การส่งเสริมการผลิตในประเทศ (Reshoring): สหรัฐฯ จะสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศด้วยนโยบายต่างๆ เช่น การให้เงินอุดหนุน การลดหย่อนภาษี การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและการผลิตในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาด และยา

ผลกระทบต่อนานาชาติ:

การปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าของสหรัฐฯ นี้ จะส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก:

  • ประเทศที่ต้องเผชิญการแข่งขันสูงขึ้น: ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด และอาจต้องพิจารณาปรับกลยุทธ์การผลิตและการส่งออกให้สอดคล้องกับนโยบายใหม่ของสหรัฐฯ
  • โอกาสสำหรับผู้ผลิตในประเทศ: ผู้ผลิตในสหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์จากการส่งเสริมการผลิตในประเทศ อาจมีโอกาสในการขยายกำลังการผลิต เพิ่มการจ้างงาน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
  • ความท้าทายในการเจรจาข้อตกลงการค้า: แม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเซ็นข้อตกลงการค้าใหม่มากเท่าเดิม แต่การเจรจาเกี่ยวกับประเด็นทางการค้าอื่นๆ เช่น การเข้าถึงตลาด การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และกฎระเบียบทางการค้า ยังคงมีความสำคัญ

สิ่งที่ธุรกิจไทยควรจับตา:

สำหรับภาคธุรกิจไทย การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ นี้ ถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด:

  • ทบทวนกลยุทธ์การส่งออก: พิจารณาว่าสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีหรือมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ หรือไม่ และควรหาตลาดใหม่หรือปรับกลยุทธ์การตลาดและการผลิต
  • มองหาโอกาสในการผลิตในสหรัฐฯ: หากธุรกิจไทยมีศักยภาพในการลงทุนและตั้งฐานการผลิตในสหรัฐฯ ควรศึกษาโอกาสและสิทธิประโยชน์ที่อาจได้รับ
  • ติดตามข่าวสารและนโยบายอย่างใกล้ชิด: ทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

การประกาศของนางแคทเธอรีน ไท่ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดพลวัตทางการค้าโลกในอนาคตอันใกล้นี้


グリア米USTR代表、任期中の目標に通商協定締結よりも貿易赤字解消、製造業回帰を主張


AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:

เวลา 2025-07-18 05:25 ‘グリア米USTR代表、任期中の目標に通商協定締結よりも貿易赤字解消、製造業回帰を主張’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย

Leave a Comment