
ทำไมวัยรุ่นสมัยนี้ถึงกล้าเสี่ยงน้อยลง? มาร่วมหาคำตอบในแบบฉบับนักวิทยาศาสตร์กัน!
เคยสังเกตไหมว่าเพื่อนๆ หรือน้องๆ ของเราบางคนดูไม่ค่อยกล้าลองอะไรใหม่ๆ หรือไม่ค่อยจะ “ซ่า” เท่าที่ควร? เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก จนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่โด่งดังมากในอเมริกา ได้ทำการศึกษาและเผยแพร่บทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ชื่อว่า “Why are young people taking fewer risks?” หรือ “ทำไมคนหนุ่มสาวถึงเสี่ยงน้อยลง?” วันนี้ เราจะมาแกะกล่องเรื่องนี้ไปด้วยกัน ในสไตล์ที่เข้าใจง่ายสำหรับเด็กๆ และนักเรียนทุกคน เพื่อจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์กันนะ!
ทำไมเราถึงต้องสนใจเรื่อง “การเสี่ยง”?
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “การเสี่ยง” ไม่ใช่แค่การกระโดดจากที่สูง หรือการทำอะไรอันตรายๆ นะครับ การเสี่ยงในที่นี้หมายถึงการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรืออาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีได้ เช่น การลองทำกิจกรรมใหม่ๆ การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง การลองเรียนวิชาที่ไม่เคยเรียน หรือแม้แต่การลองเข้าสังคมกับคนที่ไม่คุ้นเคย
การกล้าเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเรียนรู้และการเติบโตนะ เพราะเมื่อเรากล้าลองอะไรใหม่ๆ เราก็จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้พัฒนาตัวเอง และบางครั้ง เราอาจจะค้นพบความสามารถที่เราไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้! ลองคิดดูสิ ถ้าไม่มีใครกล้าเสี่ยงในการทดลองวิทยาศาสตร์ เราก็คงไม่มีโทรศัพท์มือถือที่ใช้กันอยู่ หรือไม่มีเครื่องบินที่พาเราไปไหนมาไหนได้ง่ายๆ หรอกนะ
แล้วทำไมวัยรุ่นสมัยนี้ถึงดูเสี่ยงน้อยลงล่ะ?
งานวิจัยของฮาร์วาร์ดได้ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลให้คนหนุ่มสาวในปัจจุบันกล้าเสี่ยงน้อยลงกว่าเมื่อก่อน ลองมาดูกันทีละข้อนะ:
-
โลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลและความกังวล:
- ข่าวร้ายมาเร็ว: ทุกวันนี้เราเข้าถึงข่าวสารได้ง่ายมาก แค่มีอินเทอร์เน็ต เราก็เห็นข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุ หรือเรื่องราวร้ายๆ ทั่วโลกได้ทันที ข่าวพวกนี้อาจทำให้เรากลัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ เพราะเราอาจคิดว่า “ถ้าเราลองทำแล้วจะเป็นแบบนี้ไหม?”
- โซเชียลมีเดียที่เปรียบเทียบ: ในโซเชียลมีเดีย เรามักจะเห็นแต่ภาพที่ดูดีของคนอื่น ทำให้เรารู้สึกกดดัน หรือกังวลว่าถ้าเราทำอะไรที่ผิดพลาด คนอื่นจะมาตัดสินหรือหัวเราะเราหรือเปล่า? ความกลัวการถูกตัดสินนี้เองก็ทำให้เราไม่กล้าเสี่ยง
-
การเลี้ยงดูที่เปลี่ยนไป:
- พ่อแม่ที่ใส่ใจมากขึ้น: พ่อแม่ยุคใหม่มักจะห่วงใยลูกๆ มากเป็นพิเศษ อาจจะคอยดูแลใกล้ชิด คอยกันไม่ให้ลูกเจออันตราย หรือคอยบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด ซึ่งก็ดีต่อความปลอดภัย แต่บางครั้งก็อาจจะทำให้เด็กๆ ไม่ได้มีโอกาสฝึกการตัดสินใจและเรียนรู้จากการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
-
การศึกษาที่เน้นผลลัพธ์:
- ความกดดันเรื่องผลการเรียน: ระบบการศึกษาบางครั้งก็เน้นที่การทำคะแนนให้ดี หรือการสอบให้ผ่าน ซึ่งทำให้เด็กๆ กังวลว่าถ้าลองทำอะไรที่ไม่ถนัดแล้วคะแนนไม่ดี จะเสียใจ หรือถูกตำหนิ ทำให้ไม่กล้าออกจากกรอบที่ตัวเองทำได้ดีอยู่แล้ว
-
การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม:
- เล่นในบ้านมากขึ้น: เด็กๆ สมัยนี้อาจจะมีโอกาสได้เล่นนอกบ้านน้อยลง ได้วิ่งเล่นสำรวจสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองน้อยลง เมื่อเทียบกับรุ่นพ่อรุ่นแม่ การเล่นนอกบ้านแบบอิสระมักจะมีการลองผิดลองถูก และการเผชิญหน้ากับความท้าทายเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยสร้างความกล้า
แล้วเราจะทำอย่างไรให้วัยรุ่นกล้าเสี่ยง (อย่างสร้างสรรค์) มากขึ้น?
งานวิจัยนี้ไม่ได้บอกว่าเราต้องไปทำอะไรอันตรายนะ แต่เป็นการชวนคิดว่า เราจะส่งเสริมให้เด็กรุ่นใหม่กล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone หรือพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง เพื่อที่จะได้เรียนรู้และเติบโตได้อย่างเต็มที่ได้อย่างไร
-
สำหรับเด็กๆ และนักเรียน:
- ลองมอง “ความผิดพลาด” ให้เป็น “บทเรียน”: ทุกคนเคยทำผิดพลาดนะ! ความผิดพลาดไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้ว่าครั้งหน้าเราจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?”
- คุยกับพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่ไว้ใจ: ถ้าเราอยากลองทำอะไรใหม่ๆ แต่ไม่แน่ใจ ลองปรึกษาผู้ใหญ่ดูนะ เล่าความกังวลของเราให้เขาฟัง แล้วขอคำแนะนำ
- เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ: ไม่ต้องกระโดดจากที่สูงทันที! ลองเริ่มจากการพูดคุยกับเพื่อนใหม่ๆ ลองตอบคำถามในชั้นเรียน ลองทำกิจกรรมที่สนใจแต่ไม่เคยทำมาก่อน
- จำไว้ว่า “คุณค่า” ไม่ได้วัดแค่ “ผลลัพธ์”: การพยายามทำอะไรบางอย่าง การเรียนรู้ระหว่างทางนั้นมีคุณค่ามาก แม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบก็ตาม
-
สำหรับคุณพ่อคุณแม่และคุณครู:
- ส่งเสริมให้ลองผิดลองถูก: อนุญาตให้เด็กๆ ได้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง แม้ว่าอาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้าง การให้โอกาสพวกเขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นสิ่งสำคัญ
- เน้นกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์: ชื่นชมความพยายาม ความตั้งใจ และการเรียนรู้ของเด็กๆ ไม่ใช่แค่ผลการสอบหรือผลงานที่ออกมา
- เป็นแบบอย่างที่ดี: แสดงให้เห็นว่าเราเองก็กล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้
วิทยาศาสตร์ช่วยเราได้!
เรื่องการ “เสี่ยง” นี้ เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์หลายแขนงเลยนะ เช่น
- จิตวิทยา: ศึกษาว่าสมองของคนเราตอบสนองต่อความเสี่ยงอย่างไร ความกลัว และความกล้าเกิดจากอะไร
- ประสาทวิทยา: ศึกษาการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและการรับความเสี่ยง
- สังคมวิทยา: ศึกษาว่าปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมมีผลต่อพฤติกรรมของคนเราอย่างไร
การทำความเข้าใจเรื่องนี้เหมือนกับการที่เราได้ไขปริศนาทางวิทยาศาสตร์ชิ้นหนึ่งเลยนะ! เมื่อเราเข้าใจว่าทำไมวัยรุ่นถึงกล้าเสี่ยงน้อยลง เราก็จะช่วยกันหาทางส่งเสริมให้พวกเขากล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า เติบโต และค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
ดังนั้น ครั้งต่อไปที่เราเห็นใครบางคนลังเลที่จะลองอะไรใหม่ๆ ลองชวนเขามาคุยกัน หรือลองคิดดูว่าเราจะช่วยสนับสนุนให้เขากล้าขึ้นได้อย่างไรนะ! เพราะการกล้าเสี่ยงอย่างมีเหตุผล คือกุญแจสำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอ!
Why are young people taking fewer risks?
ปัญญาประดิษฐ์ได้ส่งข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อรับคำตอบจาก Google Gemini:
เมื่อเวลา 2025-06-24 20:16 Harvard University ได้เผยแพร่ ‘Why are young people taking fewer risks?’ กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายสำหรับเด็กและนักเรียน เพื่อส่งเสริมให้เด็กจำนวนมากขึ้นสนใจในวิทยาศาสตร์ กรุณาให้เฉพาะบทความเป็นภาษาไทยเท่านั้น