
แอปดูแลสุขภาพใจ: ดีจริงหรือ หรือแอบทำร้ายเราอยู่?
เคยใช้แอปพลิเคชันบนมือถือที่บอกให้เราหายใจลึกๆ คิดบวก หรือทำสมาธิไหม? บางทีเราอาจจะเคยได้ยินชื่อแอปเหล่านี้ อย่าง Calm หรือ Headspace ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น แต่รู้ไหมว่า วันดีคืนดี แอปเหล่านี้อาจจะไม่ได้ช่วยเราอย่างที่คิด แถมยังอาจจะกำลังทำร้ายสุขภาพใจของเราทางอ้อมอยู่ก็ได้!
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สถาบันการศึกษาอันดับต้นๆ ของโลก ได้เผยแพร่บทความน่าสนใจชื่อว่า “Got emotional wellness app? It may be doing more harm than good.” แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ “มีแอปดูแลสุขภาพใจไหม? มันอาจจะกำลังทำร้ายเรามากกว่าช่วยเหลือ” บทความนี้อยากจะบอกอะไรเราบ้างนะ? มาดูกันเลย!
แอปดูแลสุขภาพใจคืออะไร?
ลองนึกภาพง่ายๆ นะคะ แอปเหล่านี้ก็เหมือนเพื่อนเสมือนที่คอยแนะนำให้เราดูแลความรู้สึกของตัวเอง พวกเขามีวิธีสอนหลากหลายแบบ เช่น:
- การฝึกหายใจ: สอนให้เราหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย
- การทำสมาธิ (Meditation): ชวนให้เราสงบจิตใจ จดจ่ออยู่กับปัจจุบัน
- การบันทึกอารมณ์ (Mood Tracking): ให้เราจดว่าวันนี้เรารู้สึกอย่างไร มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง
- การฝึกคิดบวก (Positive Affirmations): บอกให้เราพูดสิ่งดีๆ กับตัวเอง เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
แอปเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราจัดการกับความเครียด ความกังวล หรือความเศร้า แต่รู้ไหมว่า บางทีการใช้อย่างไม่ถูกวิธี หรือการที่แอปไม่ได้เข้าใจเราจริงๆ ก็อาจจะเกิดผลเสียได้เหมือนกัน
แอปเหล่านี้อาจจะทำร้ายเราได้อย่างไร?
นักวิจัยจากฮาร์วาร์ดเขาสังเกตเห็นบางอย่างที่น่าเป็นห่วงค่ะ ยกตัวอย่างเช่น:
- การทำให้เราคาดหวังมากเกินไป: บางทีเราอาจจะคิดว่า แค่ใช้แอปแล้วเราจะหายเศร้าทันที แต่นี่ไม่ใช่ยาที่กินแล้วหายทันทีนะคะ ปัญหาสุขภาพใจมันซับซ้อนกว่านั้น ถ้าแอปไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ เราอาจจะรู้สึกผิดหวัง หรือคิดว่าตัวเองล้มเหลวในการดูแลตัวเอง
- การทำให้เรารู้สึกผิด: ลองนึกภาพว่า แอปบอกให้เรา “คิดบวก” แต่จริงๆ แล้วเรากำลังรู้สึกแย่มากๆ การพยายามบังคับตัวเองให้คิดบวก อาจจะทำให้เรารู้สึกผิด หรือกดดันตัวเองมากขึ้น ที่เราไม่สามารถ “คิดบวก” ได้อย่างที่แอปบอก
- การเก็บข้อมูลส่วนตัว: แอปเหล่านี้มักจะขอข้อมูลส่วนตัวของเราเกี่ยวกับความรู้สึก เรื่องราวต่างๆ ซึ่งบางครั้ง ข้อมูลเหล่านี้อาจจะถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่เราไม่ต้องการ หรือบางทีก็มีความเสี่ยงที่ข้อมูลของเราจะรั่วไหลไปได้
- การละเลยปัญหาที่แท้จริง: ถ้าเรากำลังมีปัญหาที่หนักมากๆ เช่น มีความเศร้าที่รุนแรง หรือมีความเครียดจากการเรียนที่มากเกินไป การพึ่งพาแค่แอปอย่างเดียว อาจจะทำให้เราไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เช่น คุณครู นักจิตวิทยา หรือผู้ปกครอง ซึ่งอาจจะทำให้ปัญหาแย่ลงได้
- การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น: แอปบางตัวอาจจะมีการให้เราดูว่า คนอื่นใช้แอปนี้แล้วเป็นอย่างไร หรือมีเป้าหมายอะไร ซึ่งอาจจะทำให้เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอ หรือไม่มีความสุขเท่าคนอื่น
แล้วเราควรจะทำอย่างไรดี?
ไม่ต้องกลัวไปค่ะ! แอปพลิเคชันเหล่านี้ก็ยังมีประโยชน์นะ ถ้าเราใช้ให้ถูกวิธี นักวิจัยฮาร์วาร์ดอยากจะแนะนำเราว่า:
- อย่าเพิ่งเชื่อทุกอย่างที่แอปบอก: ลองคิดดูดีๆ ว่าสิ่งที่แอปแนะนำ เหมาะสมกับเราในตอนนี้จริงๆ หรือเปล่า
- อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น: จำไว้ว่าทุกคนมีวิธีรับมือกับปัญหาไม่เหมือนกัน
- ใช้แอปเป็นส่วนเสริม ไม่ใช่สิ่งเดียว: ถ้าเรารู้สึกไม่สบายใจมากๆ ควรปรึกษาผู้ใหญ่ที่คุณไว้ใจ หรือผู้เชี่ยวชาญ
- ระวังเรื่องข้อมูลส่วนตัว: อ่านเงื่อนไขการใช้งานของแอปให้ดี และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวที่ไม่จำเป็น
- สังเกตตัวเอง: ลองดูว่าหลังจากใช้แอปแล้ว เรารู้สึกดีขึ้นจริงไหม หรือรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม
วิทยาศาสตร์และความรู้สึกของเรา
เรื่องของสุขภาพจิตใจเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ นะคะ มันเกี่ยวข้องกับสมอง ความคิด และความรู้สึกของเรา นักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือผู้คน
การที่ฮาร์วาร์ดออกมาพูดเรื่องนี้ ก็เหมือนกับการที่เรามีกล้องส่องทางไกลที่ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ทำให้เรารู้ว่า นอกจากสิ่งที่เราเห็นแล้ว ยังมีอะไรอีกบ้างที่สำคัญ
การศึกษาเรื่องนี้ช่วยให้เราเห็นว่า เทคโนโลยีอย่างแอปพลิเคชันต่างๆ ถึงแม้จะออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือเรา แต่เราก็ต้องรู้จักใช้อย่างมีสติ และเข้าใจข้อจำกัดของมันด้วย
ถ้าใครสนใจเรื่องนี้ ลองไปถามคุณครู หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “สุขภาพจิตใจ” “จิตวิทยา” “การทำงานของสมอง” หรือ “เทคโนโลยีกับการพัฒนาตนเอง” ดูนะคะ วิทยาศาสตร์มีคำตอบและเรื่องราวที่น่าค้นหาอีกมากมายรอเราอยู่!
Got emotional wellness app? It may be doing more harm than good.
ปัญญาประดิษฐ์ได้ส่งข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อรับคำตอบจาก Google Gemini:
เมื่อเวลา 2025-06-25 20:56 Harvard University ได้เผยแพร่ ‘Got emotional wellness app? It may be doing more harm than good.’ กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายสำหรับเด็กและนักเรียน เพื่อส่งเสริมให้เด็กจำนวนมากขึ้นสนใจในวิทยาศาสตร์ กรุณาให้เฉพาะบทความเป็นภาษาไทยเท่านั้น