
สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีต่อแร่กราไฟต์จากจีน: ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและแนวโน้มในอนาคต
วันที่ 22 กรกฎาคม 2565 – สำนักข่าว JETRO รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้มีคำตัดสินเบื้องต้น (仮決定 – Kari Kettei) ในการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping) และภาษีตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty) กับผลิตภัณฑ์แร่กราไฟต์ที่ผลิตจากประเทศจีน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิตแบตเตอรี่และพลังงานสะอาด
ทำความเข้าใจภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดและภาษีตอบโต้การอุดหนุน
ก่อนจะเจาะลึกผลกระทบ ควรทำความเข้าใจถึงความหมายของภาษีทั้งสองประเภทนี้ก่อน:
- ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping Duty): ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาเมื่อประเทศหนึ่งขายสินค้าในตลาดต่างประเทศในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต หรือต่ำกว่าราคาที่ขายในประเทศของตนเอง ซึ่งเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม และอาจทำลายอุตสาหกรรมภายในประเทศของอีกฝ่าย
- ภาษีตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty): ใช้เมื่อรัฐบาลของประเทศหนึ่งให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ผลิตของตนเอง ทำให้สินค้าสามารถผลิตและจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าปกติ เมื่อสินค้าดังกล่าวถูกนำเข้ามาในประเทศอื่น ผู้ผลิตในประเทศที่นำเข้าอาจได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมเพื่อชดเชยผลกระทบจากการอุดหนุนนั้น
สถานการณ์ของแร่กราไฟต์และสหรัฐฯ
แร่กราไฟต์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิต ขั้วแอโนด (Anode) ของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพา และระบบกักเก็บพลังงาน
จีนเป็นผู้ผลิตแร่กราไฟต์รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนในปริมาณมาก ทำให้สหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางอุปทาน (Supply Security) และความเป็นธรรมทางการค้า
การตัดสินใจเบื้องต้นของสหรัฐฯ
การตัดสินใจเบื้องต้นของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ นี้ เป็นผลมาจากการยื่นฟ้องร้องโดยผู้ผลิตภายในประเทศสหรัฐฯ ที่อ้างว่าการนำเข้าแร่กราไฟต์จากจีนในราคาที่ต่ำกว่าปกติและการได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลจีน ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันและอุตสาหกรรมของตนเอง
รายละเอียดของอัตราภาษีที่ถูกกำหนดจะถูกประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่โดยทั่วไปแล้ว อัตราภาษีเหล่านี้จะถูกนำไปบวกเพิ่มกับราคาของแร่กราไฟต์ที่นำเข้าจากจีน ทำให้ต้นทุนการนำเข้าของสหรัฐฯ สูงขึ้น
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:
- ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น: ผู้ผลิตในสหรัฐฯ ที่ต้องพึ่งพาแร่กราไฟต์จากจีน จะเผชิญกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อไปยังราคาของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เช่น แบตเตอรี่ หรือรถยนต์ไฟฟ้า
- การปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน: ผู้ผลิตอาจต้องมองหาแหล่งแร่กราไฟต์ทางเลือกจากประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย, มาดากัสการ์, หรือแม้กระทั่งการลงทุนในแหล่งผลิตใหม่ๆ เพื่อลดการพึ่งพาจีน
- การส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ: การตั้งกำแพงภาษีนี้ อาจกระตุ้นให้สหรัฐฯ ลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตแร่กราไฟต์ของตนเอง หรือร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งขึ้น
- ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแบตเตอรี่: หากต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่สูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการลดต้นทุนและส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ
- ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน: การตัดสินใจนี้ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เพิ่มความซับซ้อนให้กับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ
แนวโน้มในอนาคต:
การตัดสินใจเบื้องต้นนี้ยังไม่ใช่ที่สุดท้าย โดยจะมีการรับฟังความคิดเห็นและข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะมีการประกาศคำตัดสินสุดท้าย การตัดสินใจสุดท้ายอาจมีการปรับเปลี่ยนอัตราภาษี หรือการยกเว้นบางประการ
อย่างไรก็ตาม สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ชัดเจนของสหรัฐฯ ในการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ และการสร้างความมั่นคงทางอุปทานในสินค้าที่มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ชาติ การเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นตัวจุดชนวนให้ประเทศอื่นๆ ทบทวนนโยบายการค้าและห่วงโซ่อุปทานของตนเองเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีแห่งอนาคต
อุตสาหกรรมทั่วโลกจะต้องติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในตลาดแร่กราไฟต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
米商務省、中国原産の黒鉛にアンチダンピング・補助金相殺関税の仮決定
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-07-22 06:20 ‘米商務省、中国原産の黒鉛にアンチダンピング・補助金相殺関税の仮決定’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย