
AMRO ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ ASEAN+3 ชี้เผชิญความท้าทายรอบด้าน
วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 – องค์กรวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคภูมิภาค (AMRO) ได้ออกรายงานปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มประเทศ ASEAN+3 (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้) ในปี 2565 จากเดิม 4.4% เหลือ 3.9% โดยระบุว่าเศรษฐกิจภูมิภาคกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนและหลากหลาย ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวในระยะข้างหน้า
ปัจจัยกดดันหลักที่ AMRO ชี้แจง มีดังนี้:
- ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว: การส่งออกของกลุ่มประเทศ ASEAN+3 พึ่งพาตลาดโลกค่อนข้างสูง ซึ่งขณะนี้กำลังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการจากภูมิภาคนี้ลดลง
- อัตราเงินเฟ้อที่สูงและแรงกดดันด้านราคา: การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะพลังงานและอาหาร ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบของสงครามในยูเครน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น แรงกดดันด้านเงินเฟ้อนี้อาจนำไปสู่การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการบริโภคภายในภูมิภาค
- ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน: การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับสกุลเงินของหลายประเทศในภูมิภาค ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าที่ต้องชำระด้วยเงินดอลลาร์สูงขึ้น และอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบางประเทศ
- ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์: สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การกีดกันทางการค้า และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความไม่แน่นอน และอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และการลงทุนในภูมิภาค
- การฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึง: แม้ว่าบางประเทศในกลุ่ม ASEAN+3 จะมีการฟื้นตัวที่ค่อนข้างดี แต่ก็ยังมีบางประเทศที่ยังคงเปราะบางและเผชิญกับความท้าทายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ระดับก่อนการระบาดของ COVID-19
ผลกระทบต่อกลุ่มประเทศ ASEAN+3:
การปรับลดคาดการณ์ของ AMRO สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มประเทศ ASEAN+3 ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเอเชียและของโลก กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก การเติบโตที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลกระทบต่อ:
- การส่งออก: มูลค่าและปริมาณการส่งออกอาจลดลง เนื่องจากอุปสงค์จากตลาดโลกที่อ่อนแอลง
- การลงทุน: ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์อาจทำให้ภาคธุรกิจลังเลที่จะลงทุนเพิ่ม
- การบริโภคภายใน: ภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้นอาจส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
- ตลาดแรงงาน: การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอาจส่งผลให้การจ้างงานไม่เติบโตเท่าที่ควร หรืออาจมีการเลิกจ้างในบางภาคส่วน
แนวทางรับมือ:
AMRO แนะนำให้ประเทศในกลุ่ม ASEAN+3 เร่งดำเนินนโยบายที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ โดยเน้นที่:
- การจัดการกับเงินเฟ้อ: ใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่สูง
- การสนับสนุนการฟื้นตัว: ดำเนินนโยบายการคลังที่มุ่งเน้นการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และการสร้างงาน
- การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทาน: พิจารณาแนวทางการกระจายความเสี่ยงและเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทานเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนภายนอก
- การส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค: การร่วมมือกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ASEAN+3 เป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับความท้าทายร่วมกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่ดี
รายงานนี้ของ AMRO เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญสำหรับภูมิภาคเอเชียว่า แม้จะมีความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดใหญ่ แต่ก็ยังมีปัจจัยภายนอกและภายในหลายประการที่ต้องเฝ้าระวังและเตรียมรับมืออย่างใกล้ชิด เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้.
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-07-24 02:20 ‘AMRO、ASEAN+3の経済見通しを下方修正’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย