เปิดโลกอนาคต! สแตนฟอร์ดสร้างหน้าจอวิเศษ ผสมโลกจริงกับโลกเสมือนให้ใกล้กว่าเดิม!,Stanford University


เปิดโลกอนาคต! สแตนฟอร์ดสร้างหน้าจอวิเศษ ผสมโลกจริงกับโลกเสมือนให้ใกล้กว่าเดิม!

สวัสดีน้องๆ ที่รักวิทยาศาสตร์ทุกคน! วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 (ปี 2025) เป็นวันที่น่าตื่นเต้นมากๆ เลยนะ เพราะมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ได้ประกาศข่าวดีเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ที่อาจจะเปลี่ยนวิธีการมองโลกของเราไปตลอดกาล! เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “จอภาพแบบผสมผสาน” (Mixed Reality Displays) ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างหน้าต่างวิเศษที่จะพาเราเข้าไปสู่โลกอีกใบที่ซ้อนทับกับโลกจริงที่เราอยู่!

จอภาพแบบผสมผสานคืออะไร? เหมือนแว่นตา VR เลยไหม?

เคยเล่นเกมที่ต้องใส่แว่นตาแล้วเหมือนเราเข้าไปอยู่ในเกมจริงๆ ไหม? นั่นคือ โลกเสมือนจริง (Virtual Reality – VR) ที่จะพาเราไปอยู่ในโลกที่สร้างขึ้นมาทั้งหมดเลย แต่สำหรับ โลกผสมผสาน (Mixed Reality – MR) มันเจ๋งกว่านั้น! ลองจินตนาการว่าเรากำลังนั่งกินข้าวอยู่ แล้วจู่ๆ ก็มีไดโนเสาร์ตัวเล็กๆ วิ่งผ่านโต๊ะของเรามา หรือตอนที่เรากำลังวาดรูปอยู่ แล้วมีตัวละครจากการ์ตูนที่เราชอบกระโดดออกมาจากกระดาษมาทักทาย!

นั่นแหละคือโลกผสมผสาน! มันไม่ได้พาเราหลุดไปจากโลกจริง แต่เป็นการเอาสิ่งของต่างๆ ที่เป็น “ดิจิทัล” หรือ “เสมือนจริง” มาวางซ้อนทับอยู่บนโลกจริงของเรา ทำให้เราสามารถมองเห็นทั้งโลกจริงและสิ่งเสมือนไปพร้อมๆ กันได้

แล้วสแตนฟอร์ดเขาทำอะไรให้มันพิเศษกว่าเดิม?

ปัญหาก่อนหน้านี้ของจอภาพแบบผสมผสานคือ มันมักจะมีขนาดใหญ่เทอะทะ เหมือนเราต้องแบกคอมพิวเตอร์เล็กๆ ไว้ที่หน้า! แถมยังใช้พลังงานเยอะอีกด้วย แต่ทีมวิจัยที่สแตนฟอร์ดเขากำลังคิดค้นวิธีที่จะทำให้จอภาพเหล่านี้ “เบา” และ “บาง” ลงกว่าเดิมมากๆ!

ลองนึกภาพว่า เราสามารถมีจอภาพที่บางเหมือนแว่นตาธรรมดาๆ ของเรา แต่สามารถแสดงภาพโฮโลแกรม (Hologram) หรือภาพ 3 มิติที่ลอยอยู่กลางอากาศได้! มันจะทำให้การใช้งานสะดวกสบายขึ้นเยอะเลยนะ

“โฮโลแกรม” คืออะไร? มันคือแสงที่จับต้องได้ไหม?

โฮโลแกรมไม่ใช่แสงที่เราจับต้องได้นะน้องๆ แต่มันคือ ภาพ 3 มิติที่สร้างขึ้นมาด้วยแสง ทำให้เรามองเห็นเหมือนวัตถุนั้นมีอยู่จริง ลอยอยู่ตรงหน้าเราเลย! ลองนึกถึงตอนที่ตัวละครจากหนังเรื่อง Star Wars โผล่ขึ้นมาเป็นภาพ 3 มิติกลางอากาศ นั่นแหละคือโฮโลแกรม!

ทีมวิจัยที่สแตนฟอร์ดกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ “ปัญญาประดิษฐ์” (Artificial Intelligence – AI) มาช่วยสร้างและควบคุมโฮโลแกรมเหล่านี้ให้มีความสมจริง และสามารถโต้ตอบกับเราได้! ลองคิดดูสิว่า ถ้าเรามี AI ที่สามารถสร้างโฮโลแกรมของอาจารย์มาอธิบายบทเรียนให้เราฟังแบบ 3 มิติ หรือมี AI ที่สร้างโฮโลแกรมของสัตว์ต่างๆ มาให้เราดูใกล้ๆ คงจะสนุกน่าดูเลย!

เทคโนโลยีนี้จะช่วยอะไรเราได้บ้าง?

  • การเรียนรู้: ลองจินตนาการว่าวิชาวิทยาศาสตร์ไม่ใช่แค่การอ่านหนังสือ แต่อาจจะได้เห็นการทำงานของหัวใจมนุษย์แบบ 3 มิติ หรือได้ทดลองผสมสารเคมีในห้องแล็บเสมือนจริงโดยไม่ต้องกลัวอันตราย!
  • การเล่น: เกมที่เคยเล่นก็จะยิ่งสนุกและสมจริงมากขึ้น เราอาจจะสามารถพาตัวละครโปรดของเราออกมาเล่นด้วยกันในบ้านได้จริงๆ!
  • การทำงาน: คุณหมออาจจะสามารถมองเห็นอวัยวะของผู้ป่วยแบบ 3 มิติเพื่อวางแผนการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ นักออกแบบก็สามารถสร้างโมเดล 3 มิติของสิ่งที่จะสร้างขึ้นมาให้เห็นได้ทันที
  • ชีวิตประจำวัน: เราอาจจะได้รับข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ที่ลอยขึ้นมาตรงหน้า หรือสามารถเห็นแผนที่นำทางแบบ 3 มิติที่ซ้อนทับอยู่บนถนนที่เรากำลังเดินอยู่!

ทำไมน้องๆ ควรสนใจเรื่องนี้?

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไม่ได้เป็นเรื่องน่าเบื่อ หรือยากเกินไปเลยนะ! เรื่องแบบนี้แหละที่ทำให้โลกของเราน่าตื่นเต้นและก้าวหน้าขึ้นทุกวัน การที่เรามีความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะช่วยให้เราเข้าใจว่าสิ่งต่างๆ รอบตัวทำงานอย่างไร และเราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะทำให้โลกนี้ดีขึ้นได้

การวิจัยของสแตนฟอร์ดครั้งนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ เท่านั้น แต่เป็นก้าวที่สำคัญมากๆ ที่จะนำพาเราไปสู่อนาคตที่เราเคยเห็นแต่ในหนัง! ใครจะรู้ บางทีน้องๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ อาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์คนต่อไปที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เจ๋งกว่านี้ก็ได้นะ!

ถ้าใครรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้ ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “Mixed Reality”, “Holograms” และ “Artificial Intelligence” ดูนะ แล้วน้องๆ จะค้นพบว่าโลกของวิทยาศาสตร์นั้นกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าค้นหาอีกมากมาย!


A leap toward lighter, sleeker mixed reality displays


ปัญญาประดิษฐ์ได้ส่งข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อรับคำตอบจาก Google Gemini:

เมื่อเวลา 2025-07-28 00:00 Stanford University ได้เผยแพร่ ‘A leap toward lighter, sleeker mixed reality displays’ กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายสำหรับเด็กและนักเรียน เพื่อส่งเสริมให้เด็กจำนวนมากขึ้นสนใจในวิทยาศาสตร์ กรุณาให้เฉพาะบทความเป็นภาษาไทยเท่านั้น

Leave a Comment