แรงกดดันจาก Scope 3: ท่าเรือเผชิญความท้าทายด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น,Logistics Business Magazine


แรงกดดันจาก Scope 3: ท่าเรือเผชิญความท้าทายด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น

บทความโดย: Logistics Business Magazine

วันที่เผยแพร่: 29 กรกฎาคม 2568

โลกแห่งการขนส่งทางทะเลและโลจิสติกส์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงประเด็นด้านความยั่งยืนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บทความจาก Logistics Business Magazine เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 หัวข้อ “Scope 3 Regulatory Pressure Mounts on Ports” ชี้ให้เห็นถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากข้อกำหนดด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ “Scope 3” ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานของท่าเรือทั่วโลก นี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นความท้าทายที่ท่าเรือต้องรีบปรับตัวเพื่อรับมือ

Scope 3 คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญต่อท่าเรือ?

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจความหมายของ “Scope 3” เสียก่อน ตามหลักการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Protocol) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบ่งออกเป็น 3 สโคปหลัก:

  • Scope 1: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงจากการดำเนินงานขององค์กรเอง เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องจักรของท่าเรือเอง
  • Scope 2: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงานที่ซื้อมา เช่น ไฟฟ้าที่ใช้ในอาคารสำนักงานและลานขนส่ง
  • Scope 3: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดขององค์กร ซึ่ง เป็นสโคปที่กว้างขวางและซับซ้อนที่สุด และกำลังเป็นที่จับตามองของหน่วยงานกำกับดูแล

สำหรับท่าเรือ Scope 3 ครอบคลุมกิจกรรมที่หลากหลายและกว้างขวางมาก ตั้งแต่การปล่อยก๊าซจากเรือที่เข้าเทียบท่าและขนถ่ายสินค้า การขนส่งต่อเนื่องจากท่าเรือ (เช่น รถบรรทุก เรือลำเลียง) การผลิตสินค้าที่ขนส่งผ่านท่าเรือ ไปจนถึงการจัดการของเสีย ตลอดจนการเดินทางของพนักงาน นี่คือการปล่อยก๊าซที่เกิดขึ้น “นอก” ขอบเขตการควบคุมโดยตรงของท่าเรือ แต่กลับเป็นส่วนสำคัญของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโดยรวม

แรงกดดันด้านกฎระเบียบที่เพิ่มสูงขึ้น

บทความจาก Logistics Business Magazine เน้นย้ำว่า ปัจจุบันหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก รวมถึงสหภาพยุโรป และหน่วยงานในประเทศต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญกับการรายงานและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 3 มากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการบรรลุเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  • กฎหมายใหม่และการบังคับใช้: มีแนวโน้มที่จะมีกฎหมายใหม่ๆ ที่กำหนดให้ท่าเรือต้องรายงานการปล่อยก๊าซ Scope 3 ของตนเองอย่างละเอียด และอาจรวมถึงการกำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเหล่านี้ด้วย
  • ความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: นักลงทุน ลูกค้า และภาคประชาสังคม ต่างก็คาดหวังให้ท่าเรือมีความรับผิดชอบต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้างมากขึ้น การไม่สามารถแสดงความโปร่งใสและแผนการดำเนินงานด้าน Scope 3 ที่ชัดเจน อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือ
  • ความสอดคล้องกับเป้าหมายระดับโลก: ท่าเรือมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ระดับโลก การที่ท่าเรือสามารถจัดการกับ Scope 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายด้านการลดคาร์บอนของประเทศและของโลก

ความท้าทายที่ท่าเรือต้องเผชิญ

การจัดการกับ Scope 3 ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับท่าเรือ เนื่องจากมีความซับซ้อนและต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน

  • การรวบรวมข้อมูล: การรวบรวมข้อมูลการปล่อยก๊าซที่ครอบคลุมทุกกิจกรรมใน Scope 3 นั้นมีความท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจากต้องอาศัยข้อมูลจากผู้ประกอบการขนส่งทางเรือ บริษัทขนส่งภาคพื้นดิน ผู้ผลิต และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • การวัดผลและการตรวจสอบ: การวัดผลและการตรวจสอบข้อมูลการปล่อยก๊าซ Scope 3 ที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ จำเป็นต้องมีมาตรฐานและเครื่องมือที่ชัดเจน
  • การสร้างความร่วมมือ: การลดการปล่อยก๊าซ Scope 3 จะสำเร็จไม่ได้หากขาดความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่ผู้ให้บริการเรือ บริษัทขนส่งภาคพื้นดิน ไปจนถึงลูกค้าที่ใช้บริการท่าเรือ
  • การลงทุนและเทคโนโลยี: การปรับเปลี่ยนสู่การดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อาจต้องมีการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การใช้พลังงานสะอาดสำหรับเรือและยานพาหนะ การปรับปรุงประสิทธิภาพการขนถ่ายสินค้า หรือการพัฒนาระบบการจัดการพลังงาน

โอกาสในการปรับตัวและก้าวสู่ความยั่งยืน

แม้จะมีความท้าทาย แต่แรงกดดันจากกฎระเบียบด้าน Scope 3 นี้ ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่ท่าเรือจะได้ทบทวนและปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น

  • การพัฒนากลยุทธ์ที่ครอบคลุม: ท่าเรือสามารถพัฒนากลยุทธ์ที่ชัดเจนในการวัดผล รายงาน และลดการปล่อยก๊าซ Scope 3 ซึ่งอาจรวมถึงการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงที่มีคาร์บอนต่ำ การสนับสนุนการขนส่งที่สะอาดขึ้น หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการลดการปล่อยก๊าซ
  • การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร: ท่าเรือสามารถทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานและสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของ Scope 3
  • การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี: การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่น ระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ การใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน จะช่วยให้ท่าเรือสามารถจัดการกับ Scope 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน: ท่าเรือที่สามารถแสดงความมุ่งมั่นและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการจัดการกับ Scope 3 จะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

สรุป

บทความ “Scope 3 Regulatory Pressure Mounts on Ports” จาก Logistics Business Magazine สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลก แรงกดดันด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ Scope 3 ไม่ใช่สิ่งที่ท่าเรือจะมองข้ามได้อีกต่อไป ท่าเรือต้องเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ โดยการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง การวางแผนกลยุทธ์ที่ครอบคลุม การสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่ง และการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ การก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ จะไม่เพียงแต่ช่วยให้ท่าเรือปฏิบัติตามกฎระเบียบเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสู่การดำเนินงานที่ยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอีกด้วย


Scope 3 Regulatory Pressure Mounts on Ports


AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:

เวลา 2025-07-29 22:03 ‘Scope 3 Regulatory Pressure Mounts on Ports’ ได้รับการเผยแพร่โดย Logistics Business Magazine กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่อ่อนโยน กรุณาตอบเป็นภาษาไทยโดยมีบทความเท่านั้น

Leave a Comment