โลกของเรากำลังร้อนขึ้น! มาสร้าง “ที่ทำงานแห่งอนาคต” ที่ช่วยโลกกันเถอะ!,Capgemini


โลกของเรากำลังร้อนขึ้น! มาสร้าง “ที่ทำงานแห่งอนาคต” ที่ช่วยโลกกันเถอะ!

สวัสดีครับน้องๆ นักวิทยาศาสตร์น้อยทุกคน! วันนี้พี่จะพาทุกคนไปรู้จักกับเรื่องเจ๋งๆ ที่จะช่วยให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลยนะ! เคยสังเกตไหมว่าอากาศมันร้อนขึ้นทุกวันๆ หรือเวลาฝนตกก็ตกหนักกว่าเดิม? นั่นเป็นสัญญาณว่าโลกของเรากำลังต้องการความช่วยเหลือนะ!

บริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกก็กำลังคิดเรื่องนี้เหมือนกัน เขาอยากจะสร้าง “ที่ทำงานแห่งอนาคต” ที่ไม่ทำร้ายโลกของเรา แต่บางทีเขาก็ทำพลาดไปบ้าง! บริษัท Capgemini เขาเลยเขียนบทความเจ๋งๆ ชื่อว่า “Sustainable workplace is still… a workplace: Top five mistakes organizations make” แปลเป็นไทยง่ายๆ คือ “ที่ทำงานที่ช่วยโลก ก็ยังเป็นที่ทำงานอยู่: 5 ข้อผิดพลาดที่องค์กรชอบทำ”

บทความนี้จะบอกเราว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่บริษัทต่างๆ ควรทำ (และไม่ควรทำ) เพื่อสร้างที่ทำงานที่ดีต่อโลกของเรา! พี่จะเล่าให้ฟังแบบง่ายๆ นะ พร้อมสอดแทรกความรู้ทางวิทยาศาสตร์ให้ทุกคนเข้าใจ!

ทำไม “ที่ทำงานที่ช่วยโลก” ถึงสำคัญ?

ลองนึกภาพนะ ถ้าที่ทำงานของเราใช้พลังงานเยอะๆ จากโรงไฟฟ้าที่ปล่อยควันพิษออกมาเยอะๆ หรือทิ้งขยะที่ไม่ถูกจัดการ ควันพิษเหล่านั้นก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ทำให้โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเราเอาผ้าห่มไปห่อโลกไว้แน่นๆ เลย!

เมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกก็จะละลาย ระดับน้ำทะเลก็จะสูงขึ้น บ้านของสัตว์ทะเลหลายชนิดก็หายไป ไหนจะเรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวน พายุรุนแรงขึ้น น้ำท่วม หรือแห้งแล้งนานๆ อีก

ดังนั้น การสร้าง “ที่ทำงานที่ช่วยโลก” หรือที่เขาเรียกว่า “Sustainable Workplace” ก็เหมือนกับการที่เราช่วยกันลด “ผ้าห่ม” ที่ห่อโลกไว้นั่นเอง! มันคือการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ไม่ทำลายธรรมชาติ และสร้างสิ่งดีๆ ให้กับโลกของเรา

Capgemini บอกว่า องค์กรใหญ่ๆ มักจะพลาด 5 เรื่องนี้!

Capgemini เขาสำรวจมาแล้วว่า บริษัทส่วนใหญ่ที่พยายามจะสร้างที่ทำงานที่ดีต่อโลก มักจะเจอปัญหา หรือทำผิดพลาดใน 5 เรื่องนี้ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง:

1. คิดว่า “ช่วยโลก” คือการทำให้ทุกอย่างดูดีเฉยๆ (Greenwashing)

  • คืออะไร: บางทีบริษัทก็แค่ติดป้าย “สีเขียว” หรือ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ไว้ที่ผลิตภัณฑ์หรือที่ทำงานเฉยๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก หรือบางทีก็ยังปล่อยควันพิษเยอะเหมือนเดิม
  • ทำไมถึงผิด: มันเหมือนกับการบอกว่า “หนูกินผักเยอะมาก” แต่จริงๆ แล้วกินแต่ขนม! แบบนี้โลกของเราก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจริงๆ
  • ความรู้ทางวิทยาศาสตร์: การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gases) เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากการเผาไหม้เชื้อเพลิง หรือการตัดต้นไม้ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โลกร้อนขึ้น การ “Greenwashing” ก็เหมือนกับการไม่ยอมลดการปล่อยก๊าซเหล่านี้จริงๆ

2. ลืมว่า “ที่ทำงาน” ก็คือ “ที่ทำงาน” (Forgetting the ‘Workplace’ Aspect)

  • คืออะไร: การพยายามทำให้ที่ทำงาน “ช่วยโลก” มากเกินไป จนบางทีก็ทำให้การทำงานจริงลำบาก คนทำงานก็ไม่แฮปปี้ เช่น ต้องเดินไกลมากๆ เพื่อไปห้องน้ำที่ใช้พลังงานน้อย หรือต้องรอเปิดไฟนานๆ
  • ทำไมถึงผิด: เป้าหมายคือการทำให้ “ที่ทำงาน” นั้น “ดีต่อโลก” ด้วย และ “ดีต่อคนทำงาน” ด้วย ถ้าทำแล้วไม่มีใครอยากมาทำงาน หรือทำงานไม่ได้ ก็ไม่สำเร็จ!
  • ความรู้ทางวิทยาศาสตร์: นักวิทยาศาสตร์ก็ต้องทำงานในห้องแล็บที่ใช้เครื่องมือมากมาย ถ้าเครื่องมือเหล่านั้นกินไฟเยอะ แต่ก็จำเป็นต่อการค้นคว้า การหาจุดสมดุลจึงสำคัญ เช่นเดียวกับที่ทำงานที่ต้องมีอุปกรณ์ที่ทำงานได้สะดวก แต่ก็ต้องประหยัดพลังงานด้วย

3. คิดว่า “ความยั่งยืน” เป็นเรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง (Siloed Sustainability Efforts)

  • คืออะไร: บางทีก็มีแค่ทีมเล็กๆ ทีมเดียวที่รับผิดชอบเรื่อง “ช่วยโลก” โดยที่แผนกอื่นไม่รู้เรื่อง หรือไม่ให้ความร่วมมือ
  • ทำไมถึงผิด: การช่วยโลกเป็นเรื่องของทุกคน! ถ้ามีแค่คนเดียวพยายามแบกโลกไว้ คนอื่นไม่ช่วย โลกก็อาจจะยังคงร้อนอยู่ดี
  • ความรู้ทางวิทยาศาสตร์: ระบบนิเวศ (Ecosystem) ก็เหมือนกัน ต้นไม้ สัตว์ น้ำ ดิน ทุกอย่างทำงานร่วมกัน ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งมีปัญหา ทั้งระบบก็อาจจะพังได้ ที่ทำงานก็เช่นกัน ทุกแผนกต้องร่วมมือกัน

4. ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ (Lack of Data and Measurement)

  • คืออะไร: บริษัทบางแห่งทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อช่วยโลก แต่ก็ไม่เคยวัดผลเลยว่าทำแล้วดีขึ้นแค่ไหน หรือแย่ลงตรงไหน
  • ทำไมถึงผิด: ถ้าเราไม่รู้ว่าผลเป็นยังไง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องปรับปรุงตรงไหน หรือต้องทำอะไรต่อ มันเหมือนกับการแข่งวิ่งแต่ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งไปถึงเส้นชัยหรือยัง
  • ความรู้ทางวิทยาศาสตร์: นักวิทยาศาสตร์ต้องทำการทดลองและวัดผลเสมอ เพื่อรู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นได้ผลหรือไม่ เช่น วัดปริมาณก๊าซ CO2 ที่ปล่อยออกมา หรือปริมาณขยะที่ลดลง การมีข้อมูลที่ถูกต้องช่วยให้เราวางแผนได้ดีขึ้น

5. คิดว่า “ความยั่งยืน” เป็นแค่เรื่องของ “การประหยัด” (Sustainability is Just About Saving Money)

  • คืออะไร: บางบริษัทมองว่าการช่วยโลกก็แค่เพื่อประหยัดค่าไฟ ค่าน้ำ หรือค่ากระดาษเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมันมีมากกว่านั้นเยอะ!
  • ทำไมถึงผิด: การช่วยโลกไม่ใช่แค่การประหยัดเงิน แต่มันคือการสร้าง “อนาคต” ที่ดีกว่าให้กับทุกคน รวมถึงการสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับบริษัท การทำให้พนักงานมีความสุข และการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วย
  • ความรู้ทางวิทยาศาสตร์: นวัตกรรม (Innovation) ใหม่ๆ เกิดขึ้นได้เมื่อเรามองหาทางออกที่สร้างสรรค์ เช่น การคิดค้นพลังงานสะอาดที่ไม่ทำร้ายโลก หรือการออกแบบวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้บริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว

แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง?

แม้ว่าเราจะเป็นเด็กๆ แต่เราก็มีส่วนช่วยได้นะ!

  • เรียนรู้วิทยาศาสตร์: ยิ่งเรารู้มาก เราก็ยิ่งเข้าใจปัญหา และหาทางแก้ไขได้ดีขึ้น! สนุกกับการทดลองวิทยาศาสตร์ หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนะ
  • ประหยัดพลังงาน: ปิดไฟ ปิดพัดลม เมื่อไม่ใช้ ปิดคอมพิวเตอร์ให้สนิท ไม่ใช่แค่ช่วยประหยัดเงิน แต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย!
  • ลดขยะ: พกขวดน้ำส่วนตัว กล่องข้าวส่วนตัว ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง แล้วก็แยกขยะให้ถูกประเภทนะ
  • ชวนคุณพ่อคุณแม่: ลองชวนคุณพ่อคุณแม่พูดคุยเรื่องการช่วยโลกที่บ้าน หรือเวลาไปซื้อของ

สรุป

บริษัท Capgemini เขาอยากจะบอกว่า การสร้าง “ที่ทำงานที่ช่วยโลก” เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ และทุกบริษัทควรจะทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ทำตามกระแส แต่ต้องทำด้วยความเข้าใจ และร่วมมือกันทั้งองค์กร ถ้าทำสำเร็จ เราก็จะได้โลกที่น่าอยู่ขึ้นสำหรับพวกเราทุกคน!

น้องๆ นักวิทยาศาสตร์น้อยทุกคน จำไว้นะ วิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่มันคือสิ่งที่จะช่วยให้เราเข้าใจโลก และสร้างโลกที่ดีกว่าเดิมได้! มาสนุกกับการเรียนรู้ และสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับโลกของเรากันเถอะ!


Sustainable workplace is still… a workplace: Top five mistakes organizations make


ปัญญาประดิษฐ์ได้ส่งข่าวสารแล้ว

คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อรับคำตอบจาก Google Gemini:

เมื่อเวลา 2025-07-25 06:36 Capgemini ได้เผยแพร่ ‘Sustainable workplace is still… a workplace: Top five mistakes organizations make’ กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายสำหรับเด็กและนักเรียน เพื่อส่งเสริมให้เด็กจำนวนมากขึ้นสนใจในวิทยาศาสตร์ กรุณาให้เฉพาะบทความเป็นภาษาไทยเท่านั้น

Leave a Comment