
การลงทุนของญี่ปุ่นในจีนปี 2024 ร่วงหนัก 46% สะท้อนความเสี่ยงและทิศทางใหม่ของการลงทุน
โตเกียว, 9 กรกฎาคม 2567 – องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ได้เผยแพร่รายงานที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนของญี่ปุ่นในประเทศจีน โดยระบุว่าในปี 2024 ที่ผ่านมา ตัวเลขการลงทุนโดยตรงของญี่ปุ่นในจีน (Foreign Direct Investment: FDI) มีการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 46% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (2023) การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่สะท้อนถึงความท้าทายและปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจญี่ปุ่นในตลาดใหญ่ที่สุดของเอเชีย
ภาพรวมการลงทุนที่ลดลง: มากกว่าแค่ตัวเลข
การลดลงถึง 46% นี้ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขทางสถิติ แต่เป็นผลลัพธ์ของการประเมินสถานการณ์ที่ซับซ้อนของบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่ง โดยมีปัจจัยหลักๆ ดังนี้:
- ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอน: ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับชาติตะวันตก รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน และนโยบายภายในประเทศจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติ ทำให้บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากเริ่มประเมินความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในเศรษฐกิจจีน: จีนกำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านสู่โมเดลเศรษฐกิจที่เน้นการบริโภคภายในประเทศและการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอาจทำให้ภาคธุรกิจที่พึ่งพาการส่งออกหรือการผลิตแบบเดิมๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัว
- ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น: แม้ว่าจีนจะยังคงเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ แต่ต้นทุนแรงงานและต้นทุนการดำเนินงานอื่นๆ ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับในอดีต
- การกระจายฐานการผลิต (Diversification): เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเดียว บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากกำลังมองหาและลงทุนในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือไทย ซึ่งมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุน แรงงาน และศักยภาพการเติบโต
ไม่ได้หมายความว่าจีนไม่สำคัญอีกต่อไป
แม้ว่าตัวเลขการลงทุนโดยตรงจะลดลงอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจีนจะสูญเสียความสำคัญไปจากการพิจารณาของนักลงทุนญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิง หลายบริษัทญี่ปุ่นยังคงมีฐานการผลิตและเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในจีนมาอย่างยาวนาน และการลงทุนยังคงเกิดขึ้นในบางภาคส่วนที่เฉพาะเจาะจง:
- เทคโนโลยีและนวัตกรรม: บริษัทญี่ปุ่นที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการผลิตสินค้าไฮเทค อาจยังคงมีการลงทุนในจีนเพื่อเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่และระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
- ภาคบริการและอุปโภคบริโภค: การขยายตัวของชนชั้นกลางในจีนยังคงเป็นปัจจัยดึงดูดสำหรับบริษัทญี่ปุ่นในภาคบริการ ร้านค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ
- การปรับโครงสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพ: การลงทุนบางส่วนอาจเป็นการปรับปรุงกระบวนการผลิต การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ หรือการควบรวมกิจการเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดจีน
ทิศทางการลงทุนของญี่ปุ่นในอนาคต
รายงานของ JETRO ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่สำคัญคือ:
- การลงทุนแบบ “China Plus One”: บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากกำลังดำเนินกลยุทธ์ “China Plus One” โดยการรักษาฐานการผลิตในจีนควบคู่ไปกับการขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่น เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทาน
- การลงทุนที่เน้นคุณค่าและการพัฒนาที่ยั่งยืน: นักลงทุนญี่ปุ่นอาจพิจารณาการลงทุนที่ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนที่ยั่งยืน การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน
บทสรุป
การลดลงของการลงทุนโดยตรงของญี่ปุ่นในจีนในปี 2024 เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย บริษัทญี่ปุ่นกำลังประเมินความเสี่ยงและโอกาสอย่างรอบคอบมากขึ้น โดยพิจารณาถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และการปรับตัวทางโครงสร้างของจีน การกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่ต้องจับตามอง อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นและจีนยังคงมีความสำคัญ และการลงทุนที่เน้นการปรับตัวเข้ากับตลาดและการพัฒนาเทคโนโลยีในจีนก็ยังคงมีอยู่ ซึ่งสะท้อนถึงพลวัตที่ซับซ้อนของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-07-09 04:00 ‘2024年の日本の対中投資実行額、前年比46%減’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย