
สหรัฐฯ เปิดฉากสอบสวนบราซิลตามมาตรา 301: จับตา “การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในภาคดิจิทัล”
โตเกียว, 17 กรกฎาคม 2567 – องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) รายงานว่า สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของรัฐบาลทรัมป์ ได้ประกาศเริ่มการสอบสวนบราซิลตามมาตรา 301 ของกฎหมายการค้าปี 1974 โดยมีสาเหตุหลักมาจากข้อกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในภาคดิจิทัลของบราซิล
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบราซิล รวมถึงอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมดิจิทัลทั่วโลก
มาตรา 301 คืออะไร?
มาตรา 301 ของกฎหมายการค้าปี 1974 ของสหรัฐฯ (Section 301 of the Trade Act of 1974) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ให้อำนาจแก่ผู้แทนการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Trade Representative: USTR) ในการตรวจสอบและดำเนินการต่อต้านการปฏิบัติทางการค้าที่ถูกมองว่าไม่เป็นธรรมหรือไม่สมเหตุสมผลของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการปฏิบัติดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐฯ
ภายใต้มาตรา 301 สหรัฐฯ สามารถดำเนินมาตรการต่างๆ ได้หลากหลาย ตั้งแต่การเจรจาต่อรอง การบังคับใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า เช่น การเก็บภาษีเพิ่มเติม (tariff) หรือการจำกัดโควตานำเข้า จนถึงการนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO)
เหตุผลของการสอบสวน: ข้อกล่าวหาต่อบราซิล
แม้รายละเอียดของข้อกล่าวหาจะยังไม่เปิดเผยทั้งหมด แต่รายงานของ JETRO ระบุว่า สาเหตุหลักของการสอบสวนครั้งนี้มาจาก “การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในภาคดิจิทัล” (unfair practices in the digital sector) ของบราซิล
การตีความ “การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในภาคดิจิทัล” อาจครอบคลุมประเด็นที่หลากหลาย ซึ่งอาจรวมถึง:
- กฎหมายและนโยบายที่กีดกันการแข่งขัน: เช่น การบังคับใช้กฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทภายในประเทศ หรือจำกัดการเข้าถึงตลาดสำหรับบริษัทต่างชาติในภาคบริการดิจิทัล
- การเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรม: อาจมีการกล่าวหาว่าบราซิลใช้มาตรการทางภาษีที่ส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการดิจิทัลจากต่างประเทศอย่างไม่เป็นธรรม
- ข้อกำหนดด้านข้อมูลและการกำกับดูแล: กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การประมวลผล การจัดเก็บ หรือการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล อาจถูกมองว่าเป็นการสร้างอุปสรรคทางการค้า
- การสนับสนุนบริษัทภายในประเทศ: การที่รัฐบาลบราซิลให้การสนับสนุน หรืออุดหนุนบริษัทเทคโนโลยีของตนเอง จนส่งผลกระทบต่อการแข่งขันที่เป็นธรรมกับบริษัทต่างชาติ
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
การเปิดฉากการสอบสวนตามมาตรา 301 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปีในการดำเนินการ ผลลัพธ์ของการสอบสวนจะขึ้นอยู่กับการหารือระหว่างทั้งสองฝ่าย และการประเมินของ USTR
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้หลายประการที่จะเกิดขึ้น:
- การเจรจาต่อรอง: สหรัฐฯ อาจพยายามเจรจากับบราซิลเพื่อแก้ไขข้อกังวลที่เกิดขึ้น หากบราซิลดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การสอบสวนอาจยุติลงโดยไม่ต้องใช้มาตรการตอบโต้
- มาตรการตอบโต้ทางการค้า: หากการเจรจาไม่เป็นผล หรือบราซิลไม่ดำเนินการแก้ไข สหรัฐฯ อาจตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า เช่น การเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากบราซิล หรือการจำกัดการเข้าถึงตลาดสำหรับบริการดิจิทัลของบราซิล
- ผลกระทบต่อภาคธุรกิจ: การสอบสวนและมาตรการที่อาจเกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่ดำเนินธุรกิจในบราซิล รวมถึงบริษัทของบราซิลที่ส่งออกบริการดิจิทัลไปยังสหรัฐฯ
บริบททางการเมืองและเศรษฐกิจ
การเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ในการใช้มาตรา 301 กับประเทศต่างๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยในช่วงที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้เคยใช้มาตรการนี้กับจีนมาแล้วหลายครั้ง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายโอนเทคโนโลยีโดยไม่เป็นธรรม
สำหรับบราซิล การถูกสอบสวนภายใต้มาตรา 301 อาจถูกมองว่าเป็นแรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและดิจิทัลของบราซิลในอนาคต
สิ่งที่ต้องจับตาต่อไป
ผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเทคโนโลยีที่ดำเนินธุรกิจระหว่างสหรัฐฯ และบราซิล ควรติดตามความคืบหน้าของการสอบสวนนี้อย่างใกล้ชิด การทำความเข้าใจในรายละเอียดของข้อกล่าวหา และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่อาจเกิดขึ้น จะเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้
米トランプ政権、ブラジルに対する301条調査を開始、デジタル分野の不公正慣行など理由に
AI ได้ให้ข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อสร้างคำตอบจาก Google Gemini:
เวลา 2025-07-17 04:25 ‘米トランプ政権、ブラジルに対する301条調査を開始、デジタル分野の不公正慣行など理由に’ ได้รับการเผยแพร่ตาม 日本貿易振興機構 กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กรุณาตอบเป็นภาษาไทย