
รู้ไว้ไม่เสียหาย! เพื่อนๆ ชาวออฟฟิศสมัยใหม่ ดื่มของมึนเมา หรือยาเสพติดกันที่ทำงานนะ!?
โอ้โห! วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต (Ohio State University) ได้ปล่อยข่าวสุดเซอร์ไพรส์ออกมาว่า เด็กหนุ่มสาววัยทำงานในอเมริกาถึง 9% แอบไปดื่มเหล้า หรือใช้ยาเสพติดในที่ทำงานกัน!
เรื่องนี้ฟังดูอาจจะน่าตกใจนิดหน่อยใช่ไหมล่ะ? แต่ว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดจาก “การศึกษา” หรือ “งานวิจัย” ที่นักวิทยาศาสตร์เขาทำขึ้นมานี่แหละ! มาดูกันว่าทำไมพวกเขาถึงศึกษาเรื่องนี้ และมันบอกอะไรเราบ้างนะ
ทำไมต้องศึกษาเรื่องนี้?
ลองนึกภาพตามนะ เวลาเราทำงาน เราต้องใช้สมองคิด ทำงานให้เสร็จ หรืออาจจะต้องคุยกับคนอื่นใช่ไหม? ถ้าเกิดว่าเราดื่มเหล้า หรือใช้ยาเข้าไป สมองของเรามันก็จะทำงานไม่เต็มที่ อาจจะทำให้:
- คิดอะไรไม่ค่อยออก: เหมือนเวลาเราง่วงๆ แล้วสมองมันไม่แล่นนั่นแหละ
- ตัดสินใจผิดพลาด: อาจจะทำอะไรที่อันตราย หรือไม่ถูกต้อง
- ไม่มีสมาธิ: ทำงานผิดๆ ถูกๆ หรืออาจจะทำงานช้าลง
- เป็นอันตรายต่อตัวเองและเพื่อนร่วมงาน: ถ้าทำงานที่ต้องใช้เครื่องจักร หรือต้องขับรถ โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็จะสูงขึ้นมากเลย!
นักวิทยาศาสตร์เขาก็เลยอยากรู้ว่า ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงมีแนวโน้มจะทำแบบนี้ และพวกเขาจะหาวิธีช่วยให้สถานที่ทำงานปลอดภัยมากขึ้นได้อย่างไร
ใครคือ “เด็กหนุ่มสาววัยทำงาน” ในที่นี้?
ในงานวิจัยนี้ เขามักจะหมายถึงคนที่อายุยังน้อยๆ เพิ่งจะเริ่มทำงาน หรืออยู่ในช่วงที่ต้องเรียนรู้การทำงานให้เก่งๆ ซึ่งก็คือกลุ่มเดียวกับที่เราอาจจะเห็นในละคร หรือในอนาคตที่เราอาจจะเป็นนี่แหละ!
แล้ว 9% นี่เยอะแค่ไหน?
ลองนึกภาพโรงเรียนของเราดูนะ ถ้ามีนักเรียน 100 คน จะมีประมาณ 9 คนที่อาจจะมีพฤติกรรมแบบนี้ในที่ทำงาน (ถ้าเขาเป็นวัยทำงาน) แม้ว่า 9% อาจจะดูไม่เยอะมาก แต่ถ้าลองคูณด้วยจำนวนคนทำงานรุ่นใหม่ทั่วอเมริกา ก็เป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยนะ
งานวิจัยนี้บอกอะไรเราอีกบ้าง?
นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการศึกษานี้ เขาอาจจะดูข้อมูลหลายๆ อย่าง เช่น:
- คนกลุ่มนี้อายุเท่าไหร่?
- ทำงานในอาชีพอะไร?
- รู้สึกเครียดจากการทำงานหรือเปล่า?
- มีเพื่อนที่ทำงานหรือเปล่า?
ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจมากขึ้นว่า สาเหตุที่แท้จริงอาจจะมาจากอะไร เพื่อจะได้หาทางแก้ไขได้ตรงจุด
แล้วเรื่องนี้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ยังไง?
เรื่องนี้แหละคือ “วิทยาศาสตร์” ในชีวิตจริง!
- การเก็บข้อมูล: นักวิทยาศาสตร์ต้องรวบรวมข้อมูลจากคนจำนวนมาก ซึ่งก็ต้องใช้วิธีการทางสถิติมาช่วยวิเคราะห์
- การวิเคราะห์: เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ก็ต้องเอามาตีความ ว่าอะไรเป็นสาเหตุ อะไรเป็นผลลัพธ์
- การหาทางแก้ปัญหา: จากผลการวิเคราะห์ ก็จะนำไปสู่การคิดหาวิธีป้องกัน หรือช่วยเหลือคนที่อาจจะมีปัญหา
ทำไมเราถึงควรรู้เรื่องนี้?
การรู้เรื่องนี้ ไม่ได้ทำให้เราไปตัดสินใครนะ แต่เป็นการ “เข้าใจโลก” ที่เรากำลังจะเข้าไปอยู่ และทำให้เรารู้ว่า:
- การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ: การใช้ชีวิตให้มีสติ ไม่ทำอะไรที่เสี่ยงๆ จะทำให้เรามีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิต
- วิทยาศาสตร์ช่วยเราได้: วิทยาศาสตร์ไม่ได้มีแค่ในห้องทดลอง หรือในตำราเรียน แต่ช่วยให้เราเข้าใจปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม และหาวิธีแก้ไข
ถ้าเพื่อนๆ ชอบการหาคำตอบ ชอบการตั้งคำถาม และอยากรู้ว่าทำไมสิ่งต่างๆ ถึงเป็นแบบนั้น การศึกษาเรื่องราวแบบนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งทางที่ทำให้เราเห็นว่า วิทยาศาสตร์มันเจ๋ง และมีประโยชน์มากๆ เลยนะ!
9% of young US employees use alcohol, drugs at work, study finds
ปัญญาประดิษฐ์ได้ส่งข่าวสารแล้ว
คำถามต่อไปนี้ถูกใช้เพื่อรับคำตอบจาก Google Gemini:
เมื่อเวลา 2025-07-08 14:03 Ohio State University ได้เผยแพร่ ‘9% of young US employees use alcohol, drugs at work, study finds’ กรุณาเขียนบทความโดยละเอียดพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายสำหรับเด็กและนักเรียน เพื่อส่งเสริมให้เด็กจำนวนมากขึ้นสนใจในวิทยาศาสตร์ กรุณาให้เฉพาะบทความเป็นภาษาไทยเท่านั้น